วันพุธที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ฮารีรายอ

ดูรูปภาพ การประกอบพิธีกรรมในวันฮารีรายอ
ชื่อ
การประกอบพิธีกรรมในวันฮารีรายอ
ภาค ภาคใต้
จังหวัด ปัตตานี


ช่วงเวลา ในรอบปีหนึ่ง ชาวมุสลิม มีวันฮารีรายอ ๒ ครั้ง คือ
๑) อีดิลฟิตรี ตรงกับวันขึ้น ๑ ค่ำ เดือนเชาวาล ซึ่งเป็นเดือน ๑๐ ตามปฏิทินอิสลาม ซึ่งเป็นวันออกบวช
๒) อีดิลอัฏฮา ตรงกับวันที่ ๑๐ เดือน ซุลฮิจญะ หรือตรงกับเดือน ๑๒ ของปฏิทินอิสลาม ซึ่งเป็นการฉลอง วันออกฮัจญ์

ความสำคัญ
วันฮารีรายอ เป็นวันรื่นเริงประจำปี ชาวมุสลิมจะไปเยี่ยมเยียนพ่อแม่ ญาติพี่น้อง เพื่อนบ้าน เพื่ออภัยต่อกันในสิ่งที่ผ่านมา เป็นวันที่ทุกคนมีความสุขมาก มุสลิมจะมีการประกอบพิธีกรรมไทยพร้อมเพรียงกันทั่วโลก ในวันอีดีลฟิตรี มุสลิมทุกคนจะต้องจ่ายซะกาตฟิตเราะห์ บริจาคทานแก่คนยากจนอนาถา ส่วนในวันอีดิลอัฏฮา จะมีการเชือดสัตว์พลี แล้วจะทำ กุรบัน แจกจ่ายเนื้อเพื่อเป็นทานแก่ญาติมิตร สัตว์ที่ใช้ในการเชือดพลีได้แก่ อูฐ วัว แพะ เป็นการขัดเกลาจิตใจของมนุษย์ให้เป็นผู้บริจาค เป็นการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อเพื่อนมนุษย์ ในวันฮารีรายอชาวมุสลิม จะเดินทางกลับภูมิสำเนาของตน มาร่วมประกอบพิธีกรรมทางศาสนาโดยพร้อมเพรียงกัน ได้พบปะ สังสรรค์กับเพื่อน ญาติพี่น้อง เพื่อจะได้ขออภัยต่อกัน

พิธีกรรม
๑. การปฏิบัติตนในตอนเช้าของวันฮารีรายอ โดยตื่นนอนแต่เช้าตรู ผู้หญิงจะเป็นผู้ตกแต่งบ้านเรือนให้สะอาดสวยงามเป็นพิเศษ จัดเตรียมอาหาร ขนมต่าง ๆ ไว้ต้อนรับเพื่อน ญาติพี่น้อง และแขกที่มาเยี่ยมเยียน ทุกคนต้องปฏิบัติบริจาคซากาตฟิตเราะห์ก่อนที่จะไปละหมาดในวันอีดิลฟิตรี สิ่งของที่ใช้ในการบริจาค โดย'ใช้สิ่งของที่บริโภคเป็นอาหารหลัก
๒. การอาบน้ำในวันฮารีรายอ เมื่อปฏิบัติภารกิจเสร็จ จะอาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาด เรียกว่าอายน้ำสุนัต กำหนดเวลาอาบตั้งแต่เที่ยงคืนเริ่มต้นวันฮารีรายอ จนถึงพระอาทิตย์ตก แต่เวลาที่ดีที่สุดและเป็นที่นิยมอาบน้ำสุนัต คือเมื่อแสงอรุณขึ้นขอบฟ้าในวันฮารีรายอ ในขณะอาบน้ำสุนัตทุกคนจะต้องกล่าวดุอารีเป็นการขอพร
๓. การประกอบพิธีกรรม ชาวมุสลิมจะเดินทางไปประกอบพิธีกรรมที่มัสยิดวันอีดิลฟิตรีจะไปมัสยิดเวลา ๘.๓๐ น. วันอีดิลอัฏฮา จะไปมัสยิดเวลา ๗.๓๐ น. การปฏิบัติตนเมื่อเดินทางถึงมัสยิด ทุกคนจะอาบน้ำละหมาด จากนั้นจึงเข้าไปในมัสยิด ทำการละหมาด ตะฮีญะดุลมัสยิด ๒ รอกาอัต มีการแบ่งแยกผญิงชาย โดยใช้ม่านกั้นกลาง เสร็จแล้วจัดแถวนั่งรอฟังโต๊ะอิหม่าม ซึ่งเป็นผู้นำในการทำพิธีละหมาด
๔. การละหมาด จะมีโต๊ะอีหม่ามเป็นผู้นำละหมาดจำนวน ๒ รอกาอัต
๑) เริ่มพิธีด้วยการยืนตรงเท้าห่างกันประมาณ ๑ คืบ หันหน้าไปทางกิบลัต (ทิศตะวันตก) สำรวมจิตใจแน่วแน่มุ่งตรงต่ออัลลอฮ อีหม่ามจะอ่านนำว่า
"อูซอลลีซุนนาตัน อีดิลฟิตรี (หรืออีดิลอัฏฮา) ร็อกกะตัยนี มะมูมัน ลิ้ลลาฮีตาอาลา และคิดในใจว่า ข้าพเจ้าละหมาดสุนัตอีดิลฟิตรี เพื่ออัลลอฮตาอาลา
๒) ตักบีร่อตุลเอียะฮ์รอม คือ การยกมือทั้งสองข้าง โดยแบฝ่ามือไปข้างหน้าให้หัวแม่มือจรดเหนืออยู่ระดับติ่งหูทั้งสองข้าง แล้วกล่าวคำว่า "อัลลอฮูอักบัร" ในขณะที่กล่าวคำ อัลลอฮูอักบัร ให้ตั้งเจตนาหรือนึกในใจ (เนียต) เนียตว่า "ข้าพเจ้าละหมาดสุนัตอีดิลฟิตรี (อีดิลอัฏฮา) ๒ รอกาอัตในเวลาเพื่ออัลลอฮตาอาลา แล้วลดมือทั้งสอง ลงมากอดอกให้มือขวาทับมือซ้าย แล้วกล่าว "ซุบฮานัลลอ วันฮัมดูลิลลา วาลาอีลา ฮาอินลัลลอ ฮูวัลลอฮูอักบัร ๖ ครั้ง ในรอกาอัตแรกแล้วกล่าว "อัลลอฮูอักบัร" ๗ ครั้ง จากนั้นใหฟังอีหม่าม (ผู้นำ) อ่านฟาตีฮะและซูเราะฮ
๓) เมื่ออีหม่าม (ผู้นำ) อ่านซูเราะฮเสร็จแล้วให้กล่าว "อัลลอฮูอักบัร" พร้อมกับยกมือทั้งสองเหมือนกับการตักบีรอตุลเอียะรอมในข้อ ๒ แล้วเอามือลง ก้มศีรษะโดยโน้มตัวลงเอาฝ่ามือจับเข่าให้ศีรษะและหลังอยู่ในระดับเดียวกัน เรียกว่า "รอเกาะฮ" หรือ รูกัวะ หยุดนิ่งพร้อมกับอ่านตัสเบียะ คือซุบฮาน่า ร็อบบียัลอ้าซีม ว่าบีฮัมดี้ฮี
๔) เมื่ออ่านตัสเบียะฮจบแล้วให้เงยขึ้นมายืนตรง ขณะที่กำลังเงยให้อ่าน "ซ่ามีอัลลอฮู ลีมันฮามีดะฮ์"
พร้อมกับยกมือทั้งสองขึ้นเสมอไหล่ เหมือนกับการตักบีรครั้งแรก แล้วจึงลดมือลงแนบกับข้างตัวเรียกว่า "เอียะติดาล" ขณะที่ยืนตรงอยู่นี้ให้อ่าน "ร็อบบ๊านา ล่ากัลฮัมดิ์"
๕) กล่าว "อัลลอฮูอักบัร" พร้อมกับลดตัวลงคุกเข่ากับพื้น เอาฝ่ามือยันลงที่พื้น ให้ปลายนิ้วมือชี้ตรงไปข้างหน้า แล้วก้มลงให้หน้าผากแนบลงกับพื้น และจมูกแตะพื้นเรียกว่า "สูญูด" ให้หยุดนิ่งพร้อมกับอ่าน "ซุบฮานาร็อบบี้ยัลฮะลา ว่าบีฮัมดี้ฮี"
๖) กล่าว "อัลลอฮูอักบัร" พร้อมกับเงยศีรษะจากการสูญูดขึ้นมานั่งเรียกว่า นั้งระหว่าง ๒ สูญด ในการนั่งให้เอาตาตุ่มเท้าซ้ายรองกัน ให้ท้องนิ้วของเท้าขวายันพื้น ฝ่ามือทั้ง ๒ วางบนเข่าแล้วจึงอ่าน "ร็อบบิวฆ์ฟิรลี วัรฮัมนี วัรซุกนี วะฮ์ดี้นี ว่าอาฟีนี วะฟุ่อันนี"
๗) เมื่ออ่านจบแล้วกล่าว "อัลลอฮูอักบัร" พร้อมกับก้มลงสูญูดอีกครั้ง เรียกว่า สูญูดครั้งที่ ๒ อ่าน "ซูบฮาน่าร็อบบียัลอะฮ์ลา ว่าบีฮัมดี้ฮี้" ๓ ครั้ง เหมือนการสูญูดครั้งแรก
๘) เมื่ออ่านจบแล้วจึงเงยจากสูญูดครั้งที่ ๒ พร้อมกล่าว "อัลลอฮูอักบัร" มายืนตรงเอามือกอดอกดังเดิมรอกาอัตที่ ๒ ให้อ่านเหมือนรอกาอัตที่ ๑ แต่อ่าน "ซุบฮานันลอ วัลฮัมดุลิลลา วาลาอีลาฮาอิลลัลลอ ๔ ครั้ง แล้วอ่าน อัลลอฮูอักบัร ๕ ครั้ง จากนั้นให้ปฏิบัติเหมือนรอกาอัตที่ ๑ จนเสร็จสิ้นการละหมาด
๕. การปฏิบัติตนเมื่อละหมาดเสร็จ หลังจากละหมาดเสร็จแล้ว มุสลิมทุกคนจะนั่งฟังอีหม่ามกล่าวคุฏบะ (คำอบรม) เพื่อแนะแนวทางชีวิตด้านความศรัทธาที่กระตุ้นเตือนให้ปฏิบัติแต่ความดี ละเว้นความชั่ว และปฏิบัติตามแนวทางของอิสลาม เพื่อให้อยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข ขณะนั่งฟังนั้นทุกคนจะอยู่ในความสำรวม สงบนิ่ง ตั้งใจฟัง ไม่พูดจาใด ๆ ทั้งสิ้น และเมื่ออีหม่ามอ่านคุฏบะฮจบแล้ว อีหม่ามจะขอพรจากพระองค์อัลลอฮเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเอง และบรรดามุสลิมที่มาร่วมประกอบพิธีกรรม จะมีการขออภัยต่อกันโดยผู้น้อยจะเข้าไปขออภัยผู้อาวุโสกว่า

สาระ
บรรยายกาศอบอุ่นในวันฮารีรายอ ชาวมุสลิมจะรู้สึกดีใจและมีความสุขที่สุด ประทับใจในวันนี้ บรรดาลูก จะขออภัยต่อพ่อแม่ มีการแสดงออกด้วยการสวมกอด การจูบมือ การหอมแก้มทั้งสองของพ่อแม่ เป็นการแสดงความรัก ลูกหลานที่อยู่ต่างภูมิลำเนาต่างกลับบ้าน เมื่อมาขออภัยและอำนวยพรให้พ่อแม่ ทุกครัวเรือนจะมีความอบอุ่นไปด้วยบรรดาลูก ๆ หลาน ๆ กลับบ้านโดยพร้อมเพรียงกัน

30 ไอเดีย..ของขวัญเพื่อ "พ่อ"

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 25 พฤศจิกายน 2552
สำหรับลูกทุกคนที่มีพ่ออยู่ในใจ ไม่ว่าวันไหน ๆ ก็เป็นวันพ่ออยู่แล้ว แต่คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ข้อจำกัดของแต่ละครอบครัวนั้นก็แตกต่างกันไป คงมีบ้างที่ลูกต้องไปอยู่ห่างไกลจากอกพ่อแม่ เช่น ต้องไปทำงาน ไปเรียน ไม่สามารถกลับมาพบปะกันได้ทุกวันเหมือนครอบครัวอื่น ๆ ในโอกาสวันพ่อที่ใกล้จะมาถึงนี้ เราจึงเชื่อว่ามีลูก ๆ หลายท่านต้องการสร้างความประทับใจให้เกิดขึ้นอย่างเต็มที่..เพื่อพ่อของตน เองค่ะ

ในโอกาสนี้ ทางทีมงาน Life & Family จึงได้รวบรวมแนวคิด ตลอดจนไอเดียดี ๆ ที่มาฝากลูก ๆ ทุกคนค่ะ ไม่ว่าจะเป็นลูกตัวน้อย ลูกวัยเรียน ลูกวัยรุ่น ลูกที่มีรายได้เป็นของตนเอง และลูกที่แต่งงานมีครอบครัวแล้ว ลองไปดูกันนะคะว่ามีอะไรบ้าง

- ชวนคุณพ่อไปทำบุญตักบาตรตอนเช้า และอาจชวนไปทำบุญต่อ ณ สถานสงเคราะห์เด็ก หรือคนพิการ ให้วันพ่อเป็นวันทำบุญร่วมกันของครอบครัวอีกหนึ่งวัน

- ซื้อเกมสนุก ๆ ที่ทั้งคุณพ่อคุณลูกอยากเล่น มาเล่นด้วยกัน

- เข้าไปกราบ ขอพร กอด หอมแก้ม หรือแสดงออกถึงความรักตามแบบฉบับของแต่ละครอบครัว

- คุณแม่ชวนลูกคิดเมนู - เข้าครัวทำกับข้าวอร่อย ๆ ให้คุณพ่อทาน

- หากที่บ้านมีเตาบาร์บีคิว หรือจะเป็นเตาถ่านสไตล์ไทย ๆ ก็ไม่เป็นไร แค่มีสมาชิกทุกคนในบ้านอยู่กันพร้อมหน้าก็พอ ลองชวนกันซื้อของสดมาปิ้ง พร้อมทำน้ำจิ้มสุดอร่อย ทานกันพร้อมหน้าตอนเย็น ๆ ที่สวนหน้าบ้านก็สุขใจดีค่ะ

- มอบของขวัญทำเองจากใจลูกให้พ่อ

- พาครอบครัวไปรับประทานอาหารนอกบ้านโดยมีลูก ๆ เป็นผู้จัดการค่าใช้จ่ายทุกอย่าง ไม่ต้องให้ท่านออกให้

- พาคุณพ่อและครอบครัวไปพักผ่อนต่างจังหวัดสัก 2 - 3 วัน เลือกจังหวัดที่อากาศดี ไม่พลุกพล่าน ที่พักเงียบสงบ

- พาคุณพ่อ และคุณแม่ไปตรวจสุขภาพ

- ถ้าเป็นลูกวัยเรียน การตั้งใจเรียน ไม่ทำตัวเหลวไหล ไม่คบเพื่อนเกเร หรือไปเกเรเพื่อน ไม่แสดงกิริยาหยาบคายกับพ่อแม่ สนใจศึกษาหาความรู้ การได้บอกสิ่งที่ลูกประพฤติปฏิบัติตนมาตลอดให้คุณพ่อรับทราบก็เป็นของขวัญ ที่ดีที่ทำให้คุณพ่อ (และคุณแม่) ชื่นใจค่ะ

- หากคุณพ่อเป็นคนชอบต้นไม้ใบหญ้า ลองชวนท่านจัดสวนใหม่ ถ้าบ้านมีพื้นที่พอสมควร อาจซื้อหาต้นไม้ใหม่เข้าบ้าน เลือกต้นไม้ที่ชื่อมีความหมายดี ๆ มีกลิ่นหอม หรือมีผลที่ท่านชอบ แต่ถ้าบ้านเป็นอาคารพาณิชย์ ไม่มีที่ปลูกมากนัก อาจลองหาไม้กระถาง กล้วยไม้ หรือพืชที่ไม่ต้องการแดดมาก มาให้ท่านเป็นของขวัญก็ได้

- ชวนคุณพ่อไปออกกำลังกาย เช่น เล่นแบดมินตัน ว่ายน้ำ เดิน ขี่จักรยาน ตีปิงปอง (ถ้าทราบว่าคุณพ่อไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย)

- ชวนเพื่อนสนิทของคุณพ่อและครอบครัวมาจัดงานเลี้ยงเล็ก ๆ ที่บ้าน ให้คุณพ่อได้มีโอกาสสังสรรค์กับเพื่อน ๆ

- ทำขนมฝีมือลูกให้คุณพ่อ หากลูก ๆ เคยเรียนวิชาทำอาหารในโรงเรียนมาบ้าง แล้วยังพอมีฝีมือ และมีเครื่องครัวที่บ้านพร้อม จะลองทำดูก็ดีค่ะ หรือไม่ก็ชวนคุณแม่มาช่วยกันทำด้วยก็ได้ อาจไม่ต้องตรงตามสูตรเป๊ะ เพราะเราเชื่อว่า ลูก ๆ อาจมีหัวสร้างสรรค์ต้องการจะดัดแปลงให้เป็นขนมของขวัญวันพ่อแบบเฉพาะตัวอยู่ ก็เป็นได้

- วาดภาพระบายสีให้พ่อ ข้อนี้สำหรับลูก ๆ ที่มีฝีมือด้านศิลปะคงจะคล่องกว่าเล็กน้อย อย่างไรก็ดี เด็กที่ไม่มีฝีมือด้านศิลป์ ก็สามารถทำได้เช่นกัน

- ทำงานบ้าน ไม่ว่าจะล้างจาน ล้างรถ ซักผ้า ถูบ้าน รดน้ำต้นไม้ เช็ดกระจก ฯลฯ เหล่านี้อาจเป็นงานที่ลูก ๆ เคยเกียจคร้านที่จะทำ พ่อแม่ขอให้ช่วยก็ทำหน้าบูดหน้าบึ้ง มาถึงวันพ่อทั้งที ลุกขึ้นมาทำงานบ้านเหล่านี้ให้พ่อแม่ชื่นใจบ้างก็ดีค่ะ

- ตื่นแต่เช้า ข้อ นี้มีคุณพ่อคุณแม่หลายท่านที่อ่อนใจว่าลูกตนเองนั้นตื่นสายเหลือเกิน มาถึงวันพ่อ ลองตื่นแต่เช้าให้คุณพ่อแปลกใจกันบ้างก็ดีนะคะ และอาจลงมาเตรียมหากับข้าวเช้า ต้มน้ำชงกาแฟ ซื้อของตักบาตรมาเตรียมให้ท่าน ขัดรองเท้า ฯลฯ ก็ได้


- สัญญาว่าจะเป็นลูกที่ดี วัย รุ่นคนไหนที่เคยติดเกม เล่นไม่ยอมหลับยอมนอนจนการเรียนเสียหาย หรือติดเพื่อน คุยโทรศัพท์ดึกดื่น พ่อแม่เตือนก็ไม่นำมาปฏิบัติ ลองให้สัญญากับตัวเองและครอบครัวว่าจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ให้น่ารักกว่าเดิม ทีมงานเชื่อว่า น่าจะทำให้คุณพ่อ (และคุณแม่) ชื่นใจได้มากค่ะ

- ถ้าคุณพ่อเป็นคนชอบไอที หรือเทคโนโลยีทันสมัย อาจลองมองหาของขวัญไอทีเฉี่ยว ๆ ในราคาที่ลูกสามารถซื้อหาได้ ไม่ลำบากมาฝากท่านเป็นของขวัญวันพ่อ ซึ่งเราไม่ขอยกตัวอย่างค่ะ เนื่องจากตลาดนี้มีสินค้าหลากหลาย และสินค้าบางชนิด มีปัจจัยอื่น ๆ มาประกอบด้วย เช่น คิดค่าแบรนด์ ฯลฯ ทำให้ราคาแพงเกินสมควร

- แต่ถ้าคุณพ่อเป็นคนชอบฟังธรรมะ เดี๋ยวนี้มีซีดีธรรมะน่าสนใจมากมาย ที่รวบรวมคำสอนดี ๆ เอาไว้ เช่น ที่สถาบันวิมุตยาลัย ฯลฯ ลูก ๆ สามารถรวบรวมมาให้คุณพ่อเป็นของขวัญได้ค่ะ

- หากคุณพ่อเป็นคนเมตตากรุณา ชอบเลี้ยงสัตว์ แต่ที่บ้านไม่สะดวกจะเลี้ยง ก็อาจชวนท่านไปให้อาหารสัตว์ป่วย สัตว์พิการ สัตว์ที่ถูกทิ้ง ซึ่งมีอยู่มากมายทั่วประเทศไทยค่ะ ยกตัวอย่างเช่น สุนัขในซอยพัฒนาการ 44 หรือสุนัขตามวัดต่าง ๆ

- ชวนคุณพ่อเคลียร์บ้าน เก็บข้าวของที่ไม่ได้ใช้แต่ยังอยู่ในสภาพดีไปบริจาคให้กับผู้ยากไร้ ได้ทำบุญ แถมบ้านก็จะโล่งขึ้น คนอยู่ก็จะมีสุขภาพกาย สุขภาพใจดีขึ้นด้วย

- พาคุณพ่อไปเที่ยวในที่ที่ท่านอยากไป ถ้าไม่สะดวกค้างคืนอาจมองหาทริปไปเช้าเย็นกลับ เช่น ตลาดน้ำต่าง ๆ , นั่งเรือชมทัศนียภาพสองฝั่งคลอง ซื้อของฝากติดไม้ติดมือกลับบ้าน

- หากเป็นคุณพ่อนักอ่าน คุณลูกอาจมองหาหนังสือดี ๆ สื่อความหมายพิเศษให้คุณพ่อ หรือเลือกหนังสือในสไตล์ที่คุณพ่อชอบก็ได้ เช่น หากคุณพ่อชอบการเดินทาง ชอบท่องเที่ยวก็เลือกหนังสือท่องเที่ยว เป็นต้น

- สมัครสมาชิกนิตยสาร หนังสือพิมพ์ หรือมองหาคอร์สอบรมที่ท่านสนใจ

- เปิดโอกาสให้คุณพ่อได้ทำงานอดิเรกที่ท่านสนใจ โดยลูก ๆ อาจเป็นผู้จัดหาอุปกรณ์ให้

- ชวนคุณพ่อปลูกผักสวนครัวในบ้าน ใน ฐานะที่พ่อเป็นคนหารายได้เข้าบ้าน หากลูก ๆ แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจที่จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่าย คงทำให้คุณพ่อหลายรายยิ้มแก้มปริกันเป็นแถว อีกทั้งยังได้ทานผักปลอดสารพิษ 100 เปอร์เซ็นต์ด้วยค่ะ

- คิดหามาตรการประหยัดน้ำ - ไฟ - น้ำมัน มาใช้ในบ้าน เช่น ลดเวลาเล่นเกม ดูทีวี หรือแชตกับเพื่อนลง เสาร์อาทิตย์ก็เปลี่ยนมาเป็นการอยู่บ้าน ช่วยงานครอบครัว ทบทวนบทเรียน แทนการชวนพ่อแม่ออกไปเดินห้างสรรพสินค้า นอกจากจะช่วยประหยัดเงินแล้ว ยังช่วยประหยัดค่าน้ำมันรถ และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ได้มากมายด้วยค่ะ

- เขียนหนังสือ หรือแต่งกลอนให้พ่อสักเล่ม อาจไม่ต้องพิมพ์สวยงาม แต่เขียนด้วยลายมือลูกเอง บอกเล่าเรื่องราว ติดภาพประทับใจ เย็บเล่มเองด้วยเชือกสีสวย ๆ ให้คุณพ่อเป็นของขวัญก็ไม่เลวนะคะ

- ข้อสุดท้าย "อยู่บ้าน ใช้เวลากับคุณพ่อทั้งวัน" มีลูกบางคน ไม่มีเวลาที่จะทำในข้อนี้มานานมากค่ะ จันทร์ - ศุกร์ ก็มีสังคมทำงาน สังคมเพื่อน สังคมห้องเรียน เสาร์อาทิตย์บางคนก็มีกิจกรรม มีนัด มีธุระมากมายให้ต้องจัดการสะสาง วันพ่อนี้ ลองยกเลิกงานเหล่านั้นทั้งหมด แล้วอยู่บ้านคุยกับคุณพ่อดูสิคะ ทีมงานเชื่อว่า คุณพ่อทุกท่าน ลึก ๆ แล้วต้องดีใจมากแน่ ๆ ค่ะ

สำหรับท่านผู้อ่านที่มีแนวคิดดี ๆ อื่น ๆ และต้องการแบ่งปัน ทีมงานขอน้อมรับไว้ด้วยความขอบคุณค่ะ

เพชรน้ำเอก วรรณคดีไทย

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 25 พฤศจิกายน 2552









ถึงบางม่วงเห็นพวงมะม่วงห้อย
คิดจะสอยก็ไม่สมอารมณ์หมาย
จะปีนต้นเล่าก็ยากลำบากกาย
พี่นึกอายนิ่งอดเหมือนมดแดง
อดมะม่วงอดได้พี่ไม่อยาก
เป็นแต่ปากพูดแยบให้แอบแฝง
แต่อดชมพี่นี้ตรมอุราแรง
ไม่รู้แห่งที่จะอดซึ่งรสชม
ถึงชมอื่นก็ไม่ชื่นเหมือนชมน้อง
ประสบสองสมจิตสนิทสนม
ถึงจะได้ดอกฟ้าลงมาดม
ในอารมณ์ก็ยังไม่ยินดี
ไม่ชอบเหมือนทรามเชยที่เคยชิด
พี่ยังคิดถึงน้องให้หมองศรี
ไม่เห็นกันวันหนึ่งเหมือนครึ่งปี
หัวอกพี่ร้อนเริงดังเพลิงกอง
จาก นิราศพระแท่นดงรัง โดย นายมี

โอ้เจ้าแก้วกากีของพี่เอย
เพิ่งได้เชยได้ชมพอสมจิตร
ทิ้งนงคราญไว้วิมานนฤมิตร
เหมือนแกล้งปลิดเสน่ห์น้องให้หมองคอย
ผิใครกล้าคร่ารักผลักสวาดิ
ขอพิฆาตฆ่าตีไม่มีถอย
หญิงเช่นนี้ถึงสัตตรีมีนับร้อย
จะเหมือนน้อยหนึ่งได้ก็ไม่มี
กลิ่นเจ้าหอมยามเจ้ายอมให้ชมชื่น
จริตรื่นน่ารักปักทรวงพี่
นึกถึงยิ้มกริ่มถวิลยวนยินดี
ขุนปักษีคร่ำครวญจิตรวนเร
จาก บทละครเรื่องกากี โดย ประเสริฐอักษร









หอมใดมิเท่ากลิ่นสมร
มะลิซ้อนสายหยุดพุดประจักษ์
พิกุลแก้วพยอมหอมนัก
แต่รสรักหอมกว่าผกากรอง
ยามผการาร่วงดอกดวงโรย
ถึงลมโชยกลิ่นน้อยไม่ลอยล่อง
ส่วนสวาทคลาดชู้เป็นคู่ครอง
ก็หม่นหมองยิ่งกว่าผกาโรย
จาก ปล่อยแก่ : ร.๖

พี่ขอฝากความรักที่หนักอก
ช่วยปิดปกไว้แต่ในน้ำใจสมร
ถึงม้วยดินสิ้นฟ้าและสาคร
อย่าม้วยมรณ์ไมตรีของพี่เลย
ขอฝากความเสน่หาสาพิภักดิ์
ภิรมญ์รักร่วมเรียงเคียงเขนย
ถึงตัวไปใจอยู่เป็นคู่เชย
เมื่อไรเลยจึงจะสมอารมณ์เรียม
จาก พระอภัยมณี : สุนทรภู่


เห็นบัวเรียงเคียงกันเป็นหลั่นลด
แสนกำสรดเศร้าสร้อยละห้อยหวล
ถึงบัวนุชสุดประนอมถนอมนวล
กลิ่นอบอวลชวนชื่นระรื่นชม
แม้บัวอื่นหมื่นแสนในแมนสรวง
ยังแพ้พวงบุปผาสุดาฉม
เรียมอาลัยแรมร้างห่างภิรมย์
แม่คงตรมใจเตรียมเหมือนเรียมตรอม
จาก นิราศนครสวรรค์ : ผัน นาคะวิโรจน์









ถึงม้วยดินสิ้นฟ้ามหาสมุทร
ไม่สิ้นสุดความรักสมัครสมาน
แม้เกิดในใต้ฟ้าสุธาธาร
ขอพบพานพิศวาทไม่คลาดคลา
แม้เนื้อเย็นเป็นห้วงมหรรณพ
พี่ขอพบศรีสวัสดิ์เป็นมัจฉา
แม้เป็นบัวตัวพี่เป็นภุมรา
เชยผกาโกสุมประทุมทอง
เจ้าเป็นถ้ำอำไพขอให้พี่
เป็นราชสีห์สมสู่เป็นคู่สอง
จะติดตามทรามสงวนนวลละออง
เป็นคู่ครองพิศวาททุกชาติไป
จาก พระอภัยมณี : สุนทรภู่

บทร้อยกรองแสนจรุงใจที่ยกมาข้างต้น คือตัวอย่างเพียงเล็กน้อยจากหนังสือ 'วรรคทองในวรรณคดีไทย' ที่ อาจิณ จันทรัมพร ได้รวบรวมผลงานการประพันธ์อันทรงคุณค่าไว้เป็นจำนวนมาก

“เทิดทูนผลงานทั้งร้อยแก้วและร้อยกรองของนักประพันธ์ไทย” คือคำโปรยบนปกหนังสือ ที่สั้นกระชับ ครอบคลุม และอธิบายถึงแก่นสำคัญของหนังสือเล่มนี้เป็นอย่างดี

เพราะตลอดทั้งเล่ม มากด้วยเนื้อความจากร้อยแก้วและร้อยกรองอันเปี่ยมความงดงามทางวรรณศิลป์ มีรสสัมผัสไพเราะเสนาะรื่นรมย์ ซึ่งนักประพันธ์ชั้นบรมครูได้เปรียบเปรยภาพพจน์รสรักและความถวิลหาได้อย่าง สะท้านอารมณ์ ท่านเหล่านั้น รจนาเนื้อคำอันวิจิตรบรรจงได้อย่างคู่ควรแก่การยกย่องให้เป็น 'วรรคทอง' อันทรงคุณค่าโดยแท้

แต่ใช่เพียงเท่านั้น ใช่เพียงอารมณ์ใคร่ครวญถวิลหาของบทร้อยกรอง ที่กวีถ่ายทอดไว้อย่างเปี่ยมชั้นเชิงทางภาษา แต่หนังสือเล่มนี้ ยังรวบรวมไว้ซึ่งเนื้อความร้อยแก้วที่มอบความงดงามและอรรถรสอันอิ่มเต็มให้ แก่ผู้อ่านได้ไม่น้อยไปกว่ากัน
ไม่ว่าเนื้อคำจากความคิดอันคมคายที่อยู่ยั้งพ้นยุคสมัยของ พุทธทาสภิกขุ, ศรีบูรพา, จิตร ภูมิศักดิ์, วิลาศ มณีวัต, สด กูรมะโรหิต, คึกฤทธิ์ ปราโมช, นายผี, พรานบูรพ์, เสฐียรโกเศศ-นาคะประทีป

ไม่เว้นแม้แต่วาทะอมตะของมหาบุรุษและนักปราชญ์ที่ทั่วโลกให้การยอมรับ อาทิ มหาตมะ คานธี, เกอเต้,หลู่ซิ่น, ฟรานซิส เบคอน

แม้กระทั่ง ผลงานของกวีนิรนามหลายท่าน ที่ฝากผลงานอันเปี่ยมความงามของภาษาและความจริงของชีวิต ก็ถูกนำมารวบรวมไว้ในหนังสือเล่มนี้ด้วยเช่นกัน

หาก 'วรรณคดี' คือคำยกย่องอันสูงสุดที่มอบให้แก่ผลงานการประพันธ์ วรรคทองและเนื้อความทั้งมวลที่ อาจิณ จันทรัมพร รวบรวมไว้อย่างอุตสาหะ ก็ย่อมควรค่าแก่การได้รับเกียรตินั้นอย่างมิอาจโต้แย้ง

เพราะนอกเหนือไปจากความงามของรสสัมผัส หรือการเปรียบเปรยภาพพจน์ที่แสดงให้เห็นถึงความเป็น 'นักเลงภาษา' แล้ว 'ความเป็นจริงของชีวิต' ที่ผู้อ่านสัมผัสได้จากงานประพันธ์เหล่านั้น ไม่ว่าอยู่ในรูปฉันทลักษณ์อันเลิศวิไลของบทร้อยกรอง หรือวาท ะเฉียบคมในงานร้อยแก้วก็ตาม










ไม่ว่าในบทบรรยายถึงความรักความพิศวาทปานจะกลืนกิน ในความหวานอันแสนหวานของ ยาขอบ ในความขมขื่นถึงเนื้อใจของ สด กูรมะโรหิต หรือแม้ในงานประพันธ์ที่มุ่งเน้นถึงหลักคุณธรรม การรักษาเกียรติ ศักดิ์ศรี การดำรงตนให้สมคุณค่าของความเป็นคน
สิ่งหนึ่งที่เชื่อมโยงอารมณ์หลากรสของแต่ละวรรคทองในหนังสือเล่มนี้ไว้ด้วย กันได้อย่างกลมกล่อม คือ 'การถ่ายทอดชีวิตผ่านมรดกทางภาษา' ที่คนรุ่นลูกหลานควรศึกษาอย่างละเอียดลึกซึ้งและสืบทอดไว้ตราบนานเท่านาน

….........
ตัวหนอนบนกองหนังสือ

-หมายเหตุ 'วรรคทองในวรรณคดี' รวบรวมโดย 'อาจิณ จันทรัมพร' จัดพิมพ์โดย สำนักพิมพ์แม่คำผาง

“นุ้ย&นุช” เกงเลสีสันแซ่บ ทุน 3 พันทะยานรายได้หลักแสน

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 25 พฤศจิกายน
กางเกงเล เน้นสีสันสดใส
หากมีไอเดียดี ประกอบมุ่งมั่นพยายามอย่างแท้จริง โอกาสแห่งความสำเร็จย่อมมีเสมอ อย่างธุรกิจกางเกงเลสีสันจัดจ้าน ในชื่อ “นุ้ย&นุช แปรรูปผ้าไทย” จากฝีมือคู่ซี้ อย่าง “พัสส์พร พิณพาทย์” (นุ้ย) และ “ปิยพรรณ พันธ์ไพศาล” (นุช) ที่ เริ่มต้นด้วยทุนแค่ 3 พันบาทวางขายแบกะดิน ค่อยๆพัฒนาทั้งด้านสินค้าและการตลาด ด้วยระยะเพียง 3 ปี ธุรกิจยืนได้อย่างแข็งแรง มีเงินหมุนเวียนหลักแสนต่อเดือน


พัสส์พร พิณพาทย์ (ซ้าย) และปิยพรรณ พันธ์ไพศาล
จุดเริ่มต้นธุรกิจ เกิดจากทั้งสองเป็นแค่แม่บ้านธรรมดาๆ ที่หลังจากส่งลูกไปโรงเรียนแล้วจะเหลือเวลาว่างมาก จึงอยากทำอาชีพเล็กๆ น้อยๆ เป็นรายได้เสริมช่วยเหลือครอบครัว

ใน ที่สุด มาลงตัวที่จะตัดกางเกงเลออกขาย เพราะส่วนตัวพัสส์พรมีพื้นฐานการตัดเย็บอยู่บ้าง ประกอบกับเห็นว่า กางเกงเลเป็นที่นิยมของลูกค้าทั่วไปอยู่แล้ว


จุดขายเป็นลายผีเสื้อและดอกไม้
“พวกเราลงทุนครั้งแรกแค่ 2-3 พันบาทเท่านั้น ไปซื้อผ้ากันเอง โดยนุ้ย รับผิดชอบเป็นคนลงมือเย็บเองทั้งหมด ครั้งแรกทำแค่ 30 ตัว แล้วลองไปวางขายแบกะดินที่ตลาดนัด” ปิยพรรณ เล่า

ทว่า ความพยายามดังกล่าว ประสบความผิดหวังรุนแรง เพราะทั้งวันขายได้แค่ 3 ตัว เนื่องจากสินค้ายังขาดความโดดเด่น เป็นแค่กางเกงเลตัดเย็บด้วยผ้าพื้น กับผ้าถุงลายปาเต๊ะเหมือนๆ กับเจ้าอื่นทั่วไป

นำเศษผ้ามาทำเป็นบรรจุภัณฑ์
เมื่อรู้ปัญหา คู่ซี้พยายามพัฒนา โดยใช้ข้อแนะนำจากลูกค้ามาปรับปรุง ทว่า ผ่านไป 2-3 เดือน ยอดขายยังไม่กระเตื้องนัก จนเริ่มคิดยุติอาชีพนี้แล้ว กระทั่ง เกิดจุดเปลี่ยนสำคัญ เมื่อไปพบผ้าลายผีเสื้อและดอกไม้สีสันสดใส ซึ่งในท้องตลาดเวลานั้น ยังไม่มีใครนำมาตัดเป็นกางเกงเล เกิดปิ๊งไอเดียรีบซื้อมาตัดออกขายทันที

ผลที่ตามมาแทบไม่น่าเชื่อ กางเกงเลสีสันจัดจ้าน ลายผีเสื้อและดอกไม้โดนใจลูกค้าอย่างมาก ยอดขายเพิ่มจากเดิมหลายเท่าตัว ยิ่งกว่านั้น ลูกค้าที่ซื้อไปแล้ว มักไปบอกต่อ ช่วยให้ได้ออเดอร์ตามมาต่อเนื่อง

“จุด เด่นมาจากลวดลายผ้า และสีที่โดดเด่นมาก ลูกค้าเห็นแล้วต้องสะดุดตา ทำให้ยอดขายดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ ที่สำคัญทำให้เรา เริ่มจับทางที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองได้ รู้ว่าควรจะเดินต่อไปทางไหน ไม่เหมือนช่วงแรกๆ ที่ยังขาดจุดเด่นเฉพาะตัว” พัสส์พร ระบุ

กางเกงขาสั้น
ปิยพรรณ เล่าว่า ระยะเวลาเพียง 5 -6 เดือน นับจากเริ่มทำออกขาย ธุรกิจสามารถตั้งลำได้อย่างจริงจัง ซึ่งก้าวที่ท้าทายต่อมา คือ พัฒนาสินค้าให้ได้ทั้งคุณภาพดี และดีไซน์หลากหลายยิ่งขึ้น โดยในเรื่องผ้าเจาะจงใช้ผ้าฝ้าย 100% สั่งตรงจากโรงงาน เพื่อให้ได้ลวดลาย และคุณภาพผ้าที่ดีตามต้องการ คุณสมบัติใส่สบาย ซักแล้วไม่หด และสีไม่ตก

กระโปรง
นอกจากนั้น การผลิตเปลี่ยนจากทำเองคนเดียวทั้งหมด ได้ชักชวนแม่บ้านและผู้สูงอายุในชุมชนกว่า 10 คน ที่มีพื้นฐานการตัดเย็บอยู่แล้วเข้ามาเป็นแรงงาน

ส่วนดีไซน์ว่าจ้างมืออาชีพมาช่วยเหลือ เพิ่มเติมแบบใหม่เสมอ รวมแล้วถึงปัจจุบัน มีกว่า 10 รายการ เช่น กางเกงเลขาสั้น – ยาว กระโปรง เสื้อ เป็นต้น ราคามีตั้งแต่ 250-350 บาท มีขนาดให้เลือกตั้งแต่เอว 30 นิ้วไปถึง 40 นิ้ว โดยไอเดียการออกแบบส่วนใหญ่จะได้จากคำแนะนำของลูกค้า ประกอบกับตามติดกระแสแฟชั่น อย่างไรเสีย คงรักษาเอกลักษณ์ใช้ผ้าสีสด และลายผีเสื้อและดอกไม้เช่นเดิม

จุดเด่นที่สำคัญ อีกประการ ได้นำเศษผ้าเหลือทิ้ง มาใช้ประโยชน์ทำเป็นบรรจุภัณฑ์ โดยตัดเป็นกระเป๋าหิ้วใส่กางเกงเล แล้วขายในราคาเท่าเดิมไม่มีบวกเพิ่ม ซึ่งไอเดียนี้ ช่วยเพิ่มคุณค่าสินค้า ผู้ซื้อรู้สึกคุ้มค่า โดยไม่ต้องลงทุนมาก เพิ่มเติมแค่ค่าจ้างเย็บ ใบละ 3 บาทเท่านั้น

อีกด้านที่ช่วยให้กางเกงเลของสาวคู่ซี้ประสบความสำเร็จอย่างดียิ่ง คือ ความพยายามเดินเข้าหาหน่วยงานราชการ เพื่อผลักดันให้สินค้าได้เป็นโอทอปของ จ.นนทบุรี ภายใต้ชื่อ แบรนด์ “นุ้ย&นุช แปรรูปผ้าไทย” ซึ่งกว่าจะสำเร็จใช้เวลาร่วมปี แต่ผลที่กลับมาคุ้มแสนคุ้ม เพราะมีโอกาสไปออกบูทตามงานโอทอปต่างๆ เสมอ เฉลี่ยมากกว่า 4 ครั้งต่อเดือน ซึ่งถือเป็นช่องทางขายอย่างดี และยังเปิดโอกาสให้ได้พบผู้สนใจเป็นตัวแทนสั่งซื้อสินค้าไปขายต่ออีกด้วย

สำหรับกลุ่มลูกค้าของกางเกงเล “นุ้ย&นุช แปรรูปผ้าไทย” ส่วนใหญ่จะเป็นสาววัยรุ่นถึงวัยทำงาน รวมถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยช่องทางตลาด มีหน้าร้านประจำขายวันเสาร์และอาทิตย์ที่ตลาดบางน้ำผึ้ง ย่านพระประแดง และออกบูทตามงานโอทอปต่างๆ

ในส่วนปัญหานั้น ปิยพรรณ ชี้ไปที่การรักษาคุณภาพสินค้าให้สม่ำเสมอ เนื่องจากต้องผลิตในปริมาณมากๆ กระจายงานให้หลายคน การดูแลคุณภาพจึงยากเป็นเงาตามตัว ดังนั้น ใช้วิธีลงไปตรวจสอบด้วยตัวเองทุกขั้นตอน ขณะเดียวกันยอมลงทุนใช้ผ้าคุณภาพดีเป็นฝ้าย 100% แม้ต้นทุนผลิตจะสูงกว่า 50% ของราคาขายปลีก แต่อาศัยขายในปริมาณมาก อีกทั้ง การเลือกที่จะรักษาคุณภาพมากกว่ากำไรสูง กลายเป็นผลดีในระยะยาว ที่แม้จะมีเจ้าอื่นๆ เลียนแบบลวดลายและดีไซน์ แต่สุดท้ายลูกค้ายังนิยมเลือกสินค้าของ “นุ้ย&นุช แปรรูปผ้าไทย” เพราะคุณภาพผ้าที่ดีกว่า

พัสส์พร เผยว่า ระยะเวลา เพียง 3 ปีจากวันแรกที่เริ่มทำขาย ด้วยทุนก้อนแรกแค่ 2-3พันบาท ปัจจุบัน ธุรกิจมีเงินหมุนเวียนหลักแสนบาทต่อเดือน ยอดขายเฉลี่ยกว่า 2-3 พันตัวต่อเดือน และยังช่วยสร้างรายได้ให้สมาชิกกลุ่ม10 กว่าคน เฉลี่ยคนละ 5 พันบาทต่อเดือน

“ลอง คิดย้อนกลับไป มันก็เป็นความภูมิใจ จากที่คิดทำกันเล็กๆ ก็มามีวันนี้ได้ ทั้งที่ตอนแรกขายไม่ดีเลย ยอมรับว่า ท้อมาก คิดอยากเลิกแล้ว แต่ก็ลองฮึดอีกครั้ง มันก็กลับมาขายดีอย่างไม่น่าเชื่อ จนทำกันไม่ทัน” พัสส์พร กล่าว

ขณะ ที่ ปิยพรรณ เสริมว่า สิ่งสำคัญของคนทำธุรกิจ คือ เอาใจใส่ดูแลลูกค้า อย่าคิดเรื่องกำไรเป็นเป้าหมายแรก แต่ขอให้ผลิตสินค้าให้ได้คุณภาพดี พัฒนารูปแบบเสมอ และขายในราคาเหมาะสม สุดท้ายผลกำไรจะตามกลับมาหาเอง

@@@@@@@@@@@@@

โทร.08-1431-3278 , 08-6886-0909

สถานที่เสี่ยง เสียสาว



แท็กซี่
แท็กซี่ ดีๆ ก็มีมาก แต่ร้ายๆ ก็มีปะปน ถ้าคุณเห็นวี่แววไม่น่าไว้ใจ ก็ให้ระวังไว้ให้ดี วิธีของคนขับที่ไม่ประสงค์ดี คือการพยายามปล่อยสารหรือยาบางอย่างที่เขาทาไว้ที่มือให้แอร์เป่ามาด้านหลัง แล้วจะทำให้ผู้โดยสารเกิดอาการมึนงงและสลบได้

วิธีป้องกัน ควรจดจำทะเบียนรถที่ขึ้น เลือกนั่งเบาะหลังคนขับชิดประตูด้านขวา เวลาลงก็ให้ลงที่ประตูซ้ายเพราะจะยากต่อการที่คนขับจะเข้ามาจะจู่โจมได้ อย่าเผลอหลับบนรถ ถ้าเห็นท่าไม่ดี ก็ควรรีบลงทันที

ลิฟต์
ในลิฟต์ที่อำนวยความสะดวกในการขึ้นลงอาคารสูง แม้เพียงชั่วพริบตาก็อย่าประมาท เพราะคนร้ายก็ทำอันตรายคุณได้ เหมือนกับที่ พรพรรณเคยเจอ เธออาศัยอยู่ชั้น 7 ของ แมนชั่น เธอยืนรอลิฟต์อยู่ที่ชั้นล่าง เมื่อลิฟต์ประตูเปิดออก เห็นชายวัยรุ่นคนหนึ่งยืนอยู่ในลิฟต์ แต่ไม่ยอมเดินออกมา เธอจึงเดินเข้าไปเพื่อกลับขึ้นห้องพัก ขณะนั้นภายในลิฟต์มีเธอและคนร้ายแค่ 2 คนเท่านั้น ชายคนนั้นกดปุ่มไปที่ชั้น 6 และเมื่อลิฟต์ถึงชั้น 6 พอ ประตูลิฟต์เปิดออก คนร้ายก็ตรงเข้ามาล็อกคอเธอ พยายามฉุดลากให้ออกจากลิฟต์ แต่เธอต่อสู้ขัดขืนจนพ้นเงื้อมมือคนร้าย แล้ววิ่งหนีพร้อมทั้งตะโกนขอความช่วยเหลือ ทำให้คนร้ายวิ่งหนีไปได้

วิธีป้องกัน พยายาม หาเพื่อนผู้หญิงหรือคนไว้ใจขึ้น-ลงเป็นเพื่อน อย่ายืนชิดประตูลิฟต์เพราะอาจถูกคนร้ายผลักหรือดึงได้ เมื่อประตูลิฟต์เปิด ควรรีบเข้าไปยืนในจุดที่ใกล้กับแผงสวิตซ์กดลิฟต์ที่สุด หากเกิดกรณีฉุกเฉินสามารถกดปุ่ม Emergency ขอความช่วยเหลือได้ง่าย

ปั๊มน้ำมัน
หลังจากที่สาวิตตรีเติมน้ำมันและรูดเครดิตการ์ดเสร็จแล้ว
กำลัง จะออกจากปั๊ม ก็มีพนักงานเดินมาบอกว่า การ์ดที่รูดไปมีปัญหา ให้เธอรีบลงจากรถและเข้าไปคุยกับเจ้าหน้าที่ของปั๊มด้วย เธอจำใจลงจากรถ เมื่อเข้าไปในสำนักงานได้ก็โวยว่าจ่ายเงินและได้สลิปแล้ว เจ้าหน้าที่ปั๊มบอกว่า ตอนที่เติมน้ำมันรถเธออยู่ เห็นผู้ชายคนหนึ่งแอบเปิดประตูเข้าไปนั่งอยู่ข้างหลังเบาะด้านคนขับ ทางปั๊มเห็นว่าผิดสังเกต จึงโทรฯ แจ้งตำรวจให้และอยากให้เธอออกจากรถก่อน พอได้ยินแบบนั้นเธอรีบหันกลับไปดูรถตัวเองทันที จังหวะนั้นก็ทันเห็นผู้ชายคนหนึ่งกำลังเปิดประตูและลงจากรถตัวเองอยู่พอดี

รูป แบบของวิธีนี้ มิจฉาชีพจะแอบปีนเข้าไปตอนที่คนขับรถซึ่งเป็นผู้หญิงเอารถแวะเข้าเติมน้ำมัน หรือแวะจอดซื้อของตามร้านข้างทาง และเมื่อขับรถออกมาแล้ว คนร้ายที่อยู่ในรถก็จะลงมือชิงทรัพย์หรือทำอะไรเธอต่อไปอีกก็ได้

วิธีป้องกัน ให้ล็อกรถทุกครั้งที่ต้องลงจากรถ แม้ว่าจะเป็นการแวะลงไปทำธุระหรือซื้อของเพียงแค่ไม่กี่นาทีก็ตาม ควรสำรวจหาบุคคลแปลกปลอมใต้ท้องรถและเบาะด้านหลังทุกครั้งก่อนกลับขึ้นรถ หมั่นสังเกตพฤติกรรมของคนรอบข้างอยู่เสมอเมื่อออกนอกบ้าน โดยเฉพาะเมื่อต้องไปไหนในเวลากลางคืน





ที่จอดรถ
ภัยนี้ส่วนใหญ่จะเกิดกับผู้หญิงที่ขับรถปิกอัพคนเดียว
ที่ไม่มีหลังคาท้ายกระบะ ซึ่งคนร้ายจะสามารถโยนสิ่งของใส่ท้ายรถได้ โดยของนั้นต้องเป็นที่สังเกตได้ง่าย

รูปแบบของแก๊งนี้ เขาจะใส่ยาหรือสารที่ทำให้เรางง มึน ไว้ในซองแล้วทิ้งไว้หลังรถเรา (แต่ ถ้าเป็นรถเก๋ง เขาก็มักจะทิ้งของบางอย่างไว้ข้างๆ รถแทน) เมื่อเราเห็นซองมักจะสงสัยและหยิบมาเปิดดู แล้วเขาก็จอดรถซุ่มดูอยู่ใกล้ๆ เมื่อเหยื่อหลงกลเปิดดูหรือจับโดนสาร คนร้ายก็จะชิงรถและของมีค่าไปได้

เช่น เดียวกับที่ อรุณี เจอ เธอจอดรถกระบะไว้ พอกลับมาที่รถ เห็นว่ามีรถเก๋งจอดต่อท้ายอยู่แต่ก็ไม่ได้สนใจ ก่อนที่อรุณีจะขึ้นรถก็เห็นว่ากระบะ หลังรถมีซองสีน้ำตาลคล้ายซองเอกสารแต่มีลักษณะบวมป่องทิ้งไว้ แต่เธอเฉลียวใจเสียก่อน จึงหยิบซองกระดาษโยนทิ้งพงหญ้าข้างถนน แล้วรีบขึ้นรถทันที แล้วเธอก็เห็นว่ารถคันหลังที่เหมือนจอดสนิทคันนั้น ก็ออกรถไปทันทีเช่นกัน ซึ่งเธอคิดว่า ต้องเป็นแก๊งชิงรถหรือผู้ไม่ประสงค์ดีแน่ๆ

ข้างถนน
ผู้หญิงเรามีความใจดีเป็นหลัก เมื่อเห็นใครเดือดร้อนก็อยากให้ความช่วยเหลือ มิจฉาชีพจึงใช้ความใจดีนี้ล่อลวงผู้หญิงมาให้ติดกับ ดังเรื่องราวจากฟอร์เวิร์ดเมล์เรื่องนี้

ขณะ ที่ ดวงดาว ขับรถมาคนเดียว เธอเห็นเด็กคนหนึ่งร้องไห้อยู่ข้างถนน จึงรู้สึกสงสาร เลยลงจากรถเดินเข้าไปถามว่าเกิดอะไรขึ้น เด็กคนนั้นบอกว่า หนูหลงทาง ช่วยพาหนูกลับบ้านหน่อยแล้ว เด็กก็ยื่นกระดาษที่มีที่อยู่ให้แก่เธอ ดวงดาวก็พาเด็กไปส่งตามที่อยู่ในกระดาษ พอไปถึงบ้านของเด็กคนนั้น เธอกดกริ่งที่ประตู แล้วหลังจากนั้นเธอไม่รู้เรื่องอะไรเลย เพราะว่าที่กริ่งมีกระแสไฟแรงสูงอยู่ ตื่นมารู้สึกตัวอีกทีก็อีกวันหนึ่งพบว่าตัวเองนอนอยู่ในบ้านร้าง แถมไม่มีเสื้อผ้าอีกด้วย

วิธีป้องกัน ไม่ รู้ว่าเรื่องนี้จริงหรือไม่จริง แต่สิ่งที่จริงคือทุกวันนี้มิจฉาชีพมีอยู่ทุกซอกมุมของสังคม และจะพยายามใช้กลลวงทุกวิถีทาง ถ้าใครเจอเหตุการณ์ในลักษณะนี้ ควรพาเด็กไปส่งตำรวจและให้ตำรวจเป็นคนพาไปส่งที่บ้านจะดีกว่า

ห้างสรรพสินค้า, ฟาสต์ฟู้ด
ไม่เว้นแม้แต่ในห้างสรรพสินค้า
ที่ คนร้ายจะสรรหาวิธีมาใช้กับเหยื่ออยู่ตลอดเวลา บ้างก็แอบเอายามาใส่ในอาหารขณะที่เป้าหมายเดินไปซื้อน้ำ บ้างก็เอายาใส่ไว้ในหลอด แล้วเอาหลอดไปวางไว้ที่เดิมตรงที่กดหลอด เมื่อคนมาหยิบหลอดไปใช้ก็จะได้อันที่มียาไป พอคนร้ายเห็นคุณเริ่มมีอาการจากฤทธิ์ยา ก็จะแกล้งเข้าไปช่วยพยุง จากนั้นจะพาไปปลดทรัพย์ หรือข่มขืน

หรือ ขณะที่คุณใช้รถเข็นช้อปปิ้ง เมื่อคุณเผลอปล่อยรถเข็นไว้ คนร้ายก็อาจนำยาบางอย่างมาป้ายตรงราวจับรถเข็นของคุณได้ เมื่อคุณจับที่ราวนั่น ก็จะทำให้เกิดอาการชา มึนงง เหมือนจะเป็นลม และจากนั้นพวกคนร้ายก็จะลงมือกับคุณได้

บ้าน, ที่พัก
สถานที่เกิดเหตุมีทุกแห่ง รวมถึงบ้านสถาน ที่ที่ (คุณคิดว่า) ปลอดภัยที่สุด อย่างเหตุการณ์สาวโรงงานถูกข่มขืนในห้องพักของตัวเอง สาเหตุเกิดจากคนร้ายเห็นว่าเหยื่อพักอยู่คนเดียวตามลำพังแล้วเปิดหน้าต่าง ทิ้งไว้ เลยสบโอกาสให้เป็นเส้นทางปีนหน้าต่างเพื่อเข้าไปก่อเหตุข่มขืน หรือกรณีสาวหอพักถูกเพื่อนข่มขืน โดยแกล้งมาเคาะห้องก่อน พอสาวเจ้าแง้มประตู ฝ่ายชายก็ดันประตูเข้ามาในทันที

วิธีป้องกัน ควร เลือกที่พักที่มีระบบความปลอดภัยดี ไม่ควรเลือกที่พักซึ่งเป็นแหล่งมั่วสุมของพวกขี้ยา หมั่นตรวจสอบกลอน ประตู หน้าต่างให้ดี ควรติดตั้งกลอนประตูแบบมีโซ่คล้อง เพื่อป้องกันไม่ให้คนร้ายบุกเข้ามาในห้องได้ ระหว่างเปิดประตูคุยกัน อย่าไว้ใจใครง่ายๆ แม้จะเป็นคนรู้จักก็ตาม ควรติดตาแมวเพื่อส่องดูก่อนว่าใครมาอยู่หน้าห้อง ควรหลีกเลี่ยงใช้ห้องที่มีหน้าต่างบานเกล็ด เพราะจะง่ายต่อการตัดเหล็กเข้ามาเปิดกุญแจได้ ถ้าเป็นบ้านพัก ควรเลี้ยงสุนัขไว้เพื่อเตือนภัย


ที่มา จาก Fw mail

กุ้งสามรส



เครื่องปรุง (ขนาดรับประทาน 4–5 คน)

กุ้งก้ามกรามขนาดกลาง 5 ตัว
ใบโพระพา 1 ถ้วยตวง
น้ำตาลปี๊บ 4 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะขามเปียกคั้นข้น 4 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
เม็ดมะม่วงหิมพานต์ทอด 1/4 ถ้วยตวง
พริกแห้งทอด 1 ช้อนโต๊ะ
หอมเจียว 1 ช้อนโต๊ะ
กระเทียมเจียว 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันสำหรับทอดกุ้ง


วิธีทำ

1.ล้าง กุ้ง ตัดส่วนหัวแล้วผ่ากลางหลังทั้งเปลือกออกเป็น 2 ซีก นำไปทอดในน้ำมันร้อนจัด เรียงลงในจานเสิร์ฟ ใบโหระพาทอดกรอบโรยรอบๆกุ้งที่เรียงไว้
2.ตักน้ำมันออกจากกระทะเกือบหมด ใส่น้ำตาลลง เมื่อน้ำตาลเดือดทั่วกันเติมน้ำมะขามเปียก น้ำปลา ชิมให้ได้สามรสกลมกล่อม ตักราดตัวกุ้ง ใส่เม็ดมะม่วงหิมพานต์ทอด พริกแห้ง โรยหอม และกระเทียมเจียว


hilunch

โชคชะตา...พาให้พบเจอ




มีชายหญิงคู่หนึ่งรักกันมาก คบกันมา 3 ปี ทั้ง 2 ตกลงจะแต่งงานกัน
เมื่อกำหนดวันเรียบร้อย ฝ่ายชายเองก็รอคอยวันที่จะแต่งงาน
ต่อมาไม่นานฝ่ายชายรู้ข่าวว่า คู่รักของตนแต่งงานกับคนอื่นอย่างกะทันหัน
โดยฝ่ายหญิงเองก็เต็มใจ ไม่ได้ถูกบังคับแต่อย่างใด
เมื่อได้ทราบข่าว เขาทั้ง งง และ เสียใจ มาก
ร้องไห้ไม่กินไม่นอน ไม่นานก็ป่วยหนักเพราะตรอมใจ

เวลาผ่านไป ฝ่ายชายป่วยหนักขึ้นเรื่อยๆไปหาหมอเท่าไหร่ก็ไม่ดีขึ้น
ขณะที่นอนซมอยู่ที่บ้านนั้น มีหลวงตาแก่ๆผ่านมา
เมื่อมาถึงหลวงตาหยุดอยู่ที่หน้าบ้าน แล้วมองเข้าไปในบ้านจึงเคาะประตู
เด็กรับใช้ออกมาเปิดประตูพบว่า เป็นพระ จึงบอกว่า ไม่ทำบุญนิมนต์ข้างหน้า
หลวงตายิ้มอย่างมีเมตตาแล้วพูดว่า อาตมาไม่ได้มาบิณฑบาต
ในบ้านมีคนป่วยใช่มั้ย อาตมาพอมีความรู้ทางด้านการแพทย์นิดหน่อย
ไม่รู้จะพอช่วยได้รึปล่าว เด็กรับใช้ได้ฟังก็อึ้งแต่ก็บอกว่าตัดสินใจเองไม่ได้
ต้องขอไปถามเจ้านายก่อน เด็กรับใช้เดินเข้าไปในบ้านถามเจ้านาย
เจ้านายตอบอย่างตัดรำคาญว่าอยากเข้ามา ก็เข้ามา!

เมื่อหลวงตาเข้าไปพบที่ห้องนอนพบว่า
ชายคนดังกล่าวนอนอย่างหมดอาลัยตายอยากอยู่บนเตียง
สีหน้าซีดเซียว ร่างกายซูบผอมประหนึ่งครึ่งคนครึ่งศพ
เด็กรับใช้นำน้ำมาถวายหลวงตา พร้อมจัดเก้าอี้ถวายข้างๆเตียงของชายคนนั้น
หลวงตายิ้มแล้วพูดว่าอาการหนักเลยนะ
ชายคนนั้น นิ่งเงียบไม่สนใจในสิ่งที่หลวงตาพูด
หลวงตาตรวจอาการพอเป็นพิธี จึงกล่าวว่า โทรมมากเลยนะ
ชายคนนั้นไม่สนใจ หลวงตาบอกว่าไม่เชื่อ ลองมองที่กระจกสิ
ชายคนนั้นไม่สนใจ แต่ขณะที่หางตาชายไปที่กระจกแต่งตัวในห้องนอน
เขามองเห็นภาพของคนที่รักอยู่ในนั้น ไม่นานภาพของคนรักก็ค่อยๆจางหายไป
กลายเป็นภาพทิวทัศน์ชายทะเล

ที่ชายทะเลแห่งนั้นเงียบสงบ ไม่มีคนผ่านไปมา
ขณะที่ชายคนที่ป่วยนั้น มองภาพในกระจกด้วยความสนใจนั้น
เขาพบว่า มีศพหญิงสาวนอนเปลือยกายอยู่ที่ชายหาด
เวลาผ่านไปสักครู่ มีชายคนหนึ่งเดินผ่านมา
เขามองเห็นศพหญิงคนนั้นด้วยความรังเกียจ แล้วเดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ต่อมาพักใหญ่มีชายอีกคนหนึ่งเดินผ่านมา เขามองเห็นศพนั้น
เขาสงสารจึงถอดเสื้อนอกออกมาคลุมร่างของหญิงคนนั้น แล้วเดินจากไป

พักใหญ่ๆอีกเช่นกัน มีชายอีกคนเดินผ่านมา
เขาพบคนนอนมีผ้าคลุมอยู่ จึงเปิดออกดู เมื่อพบว่า เป็นศพ
ด้วยใจสงสาร จึงจะฝังให้เรียบร้อย แต่ก็ไม่มีเครื่องมือจะขุด
เขาจึงตัดสินใจใช้มือทั้ง 2 ข้างๆ ค่อยๆกอบทรายขึ้นมา
เขาทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนเย็น พอได้หลุมใหญ่พอสมควร
จึงได้ฝังศพผู้หญิงคนนั้นเรียบร้อยแล้วจากไป

จากนั้นภาพในกระจกก็เปลี่ยนเป็นภาพของศพหญิงคนนั้น
และก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นภาพของหญิงคนรัก เขาได้เห็นก็ตกใจ
พอสักพัก ก็ปรากฏเป็นภาพชายคนที่ 2
แล้วก็ค่อยๆจางหายไป เหลือแต่เงาของตัวเองในกระจก
ทันใดนั้นหลวงตาพูดว่า ทีนี้เข้าใจรึยัง ศพนั้นคือคู่รักของโยม
ชายคนที่ช่วยฝังศพเธอ ผูกวาสนากับเธอหนึ่งชาติ
ชาตินี้เธอเลยแต่งงานกับเขา ส่วนโยมช่วยคลุมศพเธอ
จึงผูกวาสนา 3 ปี ตอนนี้ครบ 3 ปี วาสนาสิ้นแล้วก็ต้องจากกัน

เมื่อชายคนนั้นฟังจบก็กระอักเลือดออกมา เด็กรับใช้ตกใจมาก
หลวงตายิ้มแล้วบอกว่า โยมรอดแล้ว เมื่อกี้โยมกระอักเลือดเอาเลือดเสียออกมาแล้ว
ต่อมาไม่นานชายคนนั้นก็ได้ออกบวชในที่สุด




คนเราเจอกัน ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ความสัมพันธ์ พ่อ , แม่ , พี่ , น้อง ,
ญาติ , เพื่อน , ศัตรู , คนรัก ฯลฯ ไม่ใช่ของเลื่อนลอย


เมื่อมีวาสนา ไม่ต้องเรียกร้อง ถึงเวลาก็มาเจอกัน
เมื่อสิ้นวาสนา ก็ต้องจากกัน รั้งยังไงก็ไม่อยู่
ในตอนที่ยังไม่จากกันนี้ คุณทำได้ทำดีต่อคนของคุณหรือยัง
เพราะ ถึงเวลาที่ต้องจากกัน ไม่ว่าคุณจะมีเงินหรืออำนาจล้นฟ้า ก็เรียกมันกลับคืนมาไม่ได้ ทำดีต่อกันไว้ดีกว่า เพราะไม่มีใครรู้ว่า เราจะต้องจากกันเมื่อ


อดีตผ่านแล้วผ่านไป



เราทุกคนต่างมีอดีต
อย่าเอาอดีตมาตอกย้ำเพื่อทำลายอนาคต

ทุก เช้าที่ตื่นลืมตา คงน้อยคนนักที่จะไร้ซึ่งภารกิจที่ต้องกระทำ ชีวิตประจำวันของแต่ละคนจึงผิดแผกแตกต่างตามแต่หน้าที่ที่ตัวเองต้องรับผิด ชอบ

เชื่อเหลือเกินว่า คนทุกคนต่างมีความมุ่งหวัง มีความฝันที่อยากมีอนาคตที่ดี การที่เราตื่นลืมตาขึ้นมาเพื่อออกไปทำหน้าที่ของตัวเอง ก็เพื่อก้าวเดินไปสู่จุดที่มุ่งหวังไว้ และต้องทำให้สำเร็จ

คนทุกคนมีอนาคตที่ดี
และมีความเป็นได้สูงที่จะสมดังใจ

แต่ ในมุมอีกมุมหนึ่งของความเป็นจริง ยังมีคนที่ยึดติดกับอดีต ยังจมปลักอยู่กับปัญหาชีวิตต่างๆ นานาร้อยพัน บางคนอาจเจ็บปวดกับความรัก บางคนอาจวิตกกังวลเรื่องงาน บางคนอาจมีปัญหาทางการเงิน หลากคนก็หลากปัญหาที่ยังคงไม่ได้รับการแก้ไข

และใครบางคนที่ว่าไว้
อาจเป็นตัวเราเองที่กำลังจมดิ่งอยู่กับปัญหาเหล่านั้น

ถ้า ตอนนี้เรากำลังทุกข์อกทุกข์ใจ ยังตื่นลืมตาขึ้นมาในทุกเช้าด้วยความปวดร้าว ยังลืมอะไรที่ฝังในหัวไม่ลง ยังยึดติด ยังจมปลัก ยังวนเวียนอยู่ในร่องรอยของอดีต

เราจะกลายเป็นผู้แพ้
และผู้แพ้คนนั้น
ก็เป็นผู้ทำลายอนาคตด้วยมือของตัวเอง

เคยมีคนกล่าวไว้ว่า...

" นกที่ตื่นแต่เช้า
มักจะได้หนอนที่อร่อยที่สุด "


อย่า มัวแต่หลับหูหลับตาจมอยู่แต่อดีตต่อไปอีกเลยดีกว่า จงกล้าหาญอย่างนกเสรีที่พร้อมจะกางปีกบินในทุกๆ เช้า และพร้อมออกไปเผชิญโลกกว้าง ไปผจญภัย และคว้าชัยชนะมาไว้เป็นของตัวเอง

หนอน ที่อร่อยที่สุด ก็คืออนาคตที่สวยงามที่สุด ซึ่งรอวันจะตกเป็นของนกเสรีและมีความกล้าหาญ และเราก็มีโอกาสเป็นนกตัวนั้นได้เสมอ ถ้าใจเราพร้อมเริ่มต้นใหม่ พร้อมสลัดทุกความทุกข์ออกไปจากใจ อย่างคนที่เข้าใจและยิ้มรับมัน

ให้ โอกาสตัวเองอีกสักครั้ง ด้วยการเอาเรื่องอดีตที่ทำให้เป็นทุกข์ออกไปวางให้ห่างตัว บอกตัวเองให้ยิ้มสู้ ย้ำเตือนตัวเองว่าเรายังมีปัจจุบันที่ต้องดำเนินไป และเรายังมีอนาคตที่ก้าวไกลรอเราอยู่

อดีตก็จงปล่อยให้เป็น เรื่องของอดีต เก็บส่วนที่ดีเอาไว้ในความทรงจำ สิ่งที่เราต้องทำให้ดีที่สุดก็คือปัจจุบัน อยู่เพื่อเรียนรู้มันด้วยความรักและความเข้าใจ เพื่อเป็นหนทางที่ดีสู่อนาคตที่สดใส และย้อนกลับมามอบความภาคภูมิใจให้แก่เรา

ผู้เป็นเจ้าของชีวิต

รัก 7 แบบที่เกิดง่ายตายเร็ว



สมัยนี้เจอกันแป๊ปเดียวไฟฟ้าก็ลัดวงจรได้แล้ว และทุกครั้งก็หวังว่ารักนั้นจะอยู่ในนานๆ แต่ที่แน่ๆ ไม่ใช่ความรัก 7 แบบนี้แหงๆ

1. รักทางเน็ต
ก็ คนในเน็ตมีใครเค้าแฉความจริงกันบ้างว่าชีวิตฉันผ่านผ ู้ชายมา 17 คนแล้ว เป็นเกย์ไปซะ 7 ติดเอดส์ไปซะ 3 คลิกไปเถอะเจอแต่รูปหล่อพ่อรวยสวยเหมือนนางงามจักรวาลกันทั้งนั้น ขนาดภาพยังเอารูปเพื่อนมาลง ไม่ก็เป็นภาพรีทัชลบสิวลบปานดำ เติมปากให้อิ่มทำตาให้โต ทำอ้วนให้ผอม เปลี่ยนทรงผมให้เก๋ เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา เป็นแฟนทางเน็ตอยู่สามเดือนพอนัดมาเจอตัวจริง แทบวิ่งหนี แล้วจะไม่ให้เลิกได้ไงล่ะ!!

2. รักผัวเขา
ตอน เจอกันใหม่ๆ ใน 100 คนต้องมีซะ 80 ที่ไม่รู้ว่าพี่มีเมียแล้ว แต่ก็มีเหมือนกันที่รู้ทั้งรู้ แต่ตูจะเอา แรกๆ ก็คิดว่าทนยอมเป็นบ้านที่สองที่สามเค้าได้ แต่พออยู่กันไปจากบ้านเล็กชักอยากกระดึ๊บๆ เข้าไปอยู่บ้านใหญ่ แต่กติดนับเบอร์วันแก่ง่ายตายช้าขวางทางอยู่ แล้วเรื่องอะไรจะไปยอมเสียเวลานับวันรอให้อะไรๆ มันเ่ยวย่นหย่อนยานล่ะ มันเก๊าะต้องเลิกไปคนใหม่น่ะสิ

3. รักเพราะสปอตไลท์
รัก แบบนี้มักเกิดในแหล่งท่องเที่ยวยามราตรี พอโดนสปอตไลท์แสงไฟส่องมา ราศีก็จับให้กลายเป็นหนุ่มหล่อสาวสวยดัชชี่บอยแอนด์เกิร์ลกันได้ทุกคน ไฟฟ้าเลยลัดวงจรง่าย ยักย้ายส่ายสะโพกไม่กี่เพลงน้องก็โอเค รับรักพี่แล้ว แต่พอรุ่งขึ้นเจอกันแบบแสงธรรมชาติ หน้าที่เคยสวยใสทำไมมันดันมีแต่รอยกระด่างกระดำ สิว ฝ้า กระ ครบเซ็ตหว่า นี่เธอเป็นผีปอบโดนแดดแล้วไหม้หรือเปล่าเนี่ย อยู่ไม่ได้แล้วโดยก่อนล่ะเรา

4. รักเพราะเหงา
ประมาณ หัวใจติดป้ายให้เช่าจะชาติหนึ่งแล้ว ก็ยังไม่มีใครยอมหลงกลมาขอเช่าห้องซะที อารมณ์คุณตอนนี้ก็เลยออกแนวเดอะเลตเตอร์ คือเซ็ง เศร้า เหงา หงอย ทีนี้ล่ะพอมีใครผ่านมาแม่คว้าเรียบ ขอให้เป็นเพศตรงข้ามเป็นพอ แต่พบคบกันไปความเหงาหายไปหูตาก็พลอยสว่าง ถึงได้เห็นว่าไอ้ที่เอามาเป็นแฟนเนี่ยมันไม่ใช่สเป็ค เรานี่นา เลยต้องคอนเวิร์สตัวใครตัวมันด้วยประการฉะนี้

5. รักที่เงิน
ประมาณ หน้าตาไม่เท่าไรขอกระเป๋าตุงไว้ก่อนละกัน ในข้อนี้ส่วนใหญ่ฝ่ายมีตังค์จะหน้าตาพอดูได้ (ถ้าปิดไฟ) ส่วนแฟนจะสวยล้ำหล่อเลิศแบบฟ้าประทานลงมาเลย แล้วหน้าตาไม่แมทช์กันขนาดนี้จะอยู่กันเข้าไปได้ไงถ้ าไม่เป็นเพราะมีกาวตรา ช้างที่ใช้หนี้ได้ตามกฏหมายเชื่อมอยู่ ความรักแบบนี้จะหมดอายุได้ในสองกรณี หนึ่ง คือฝ่ายมีตังค์เกิดไม่สบาย เป็นโรคขี้เบื่อ ทนเห็นอะไรซ้ำซากไม่ได้ ไม่ก็ในกรณีที่สอง หนุ่มหล่อสาวสวยเอาแฟนตัวจริงมาควงแก้เซ็งแล้วโดนจับ ได้ ถ้าไม่งั้นนิยายรักฉบับสตรอว์เบอแหลนี้ก็จะดำเนินต่อ ไป

6. รักแบบชู้ๆ

แต่ สมัยนี้เค้าไม่เรียกว่าชู้แล้ว ต้องเรียกว่ากิ๊กจะได้ฟังดูไม่หลายใจไม่เจ้าชู้ เพราะเราไม่ได้มีชู้มีแค่กิ๊กเท่านั้นเอง ซึ่งกฏบังคับของกิ๊กก็มีอยู่แล้วว่า ห้ามผูกพัน ห้ามตื้อ ห้ามยื้อ ห้ามทำตัวเป็นเจ้าของ และกิ๊กไม่ใช่ชู้แต่แฟนรู้ต้องเลิก ฉะนั้นรักแบบกิ๊กๆ จึงเป็นรักที่ไปเร็วที่สุด แบบว่าแฟนเดินเฉียดมาในระยะ 100 เมตร กิ๊กก็ไปซะแล้ว เหลือแต่คนแปลกหน้าตาใสซื่อ 2 คนเท่านั้นเอง

7. รักโปรโมท
ข้อ นี้แต่ก่อนจำกัดอยู่ในวงการบันเทิง ประมาณช่วงหนังจะเข้าละครจะฉาย ก็เอาแล้วต้องมีใครรักใครขึ้นมาทันที ทั้งๆ ที่แต่ก่อนเดินสวนกันทุกวันยังไม่รู้เลยว่าไอ้นี่มัน ใคร และพอละครจบรักก็จบ แต่เดี๋ยวนี้กระแสรักโปรโมทกระจายไปทุกหย่อมหญ้า โดยมากมักจะเป็นในหมู่คนกินแห้ว แอบรักเขาๆ ไม่สน งั้นเอาเพื่อนมาแกล้งทำเป็นอินเลิฟหน่อยซิ เผื่อจะโกงค่าตัวให้หมอนั่นเห็นคุณค่าขึ้นมาบ้าง แต่พอได้แฟนแล้วก็ไสหัวเพื่อนกลับไปเดินสะดิ้งตุ้งติ ้งคนเดียวเหมือนเดิม




ที่มา : star news

" 10สาเหตุ ที่ทำ ให้คู่รักเลิกกัน มากที่สุด "


หลายคนคงเคยตั้งคำถาม ว่า เอ... ทำไมเขาหรือเธอคนนั้นจึงเลิกลาจากเราไป บางคนอาจโทษอีกฝ่ายหลายคนก็โทษตัวเอง แต่จะมีสักกี่คนที่มองย้อนกลับไปในขณะคบกันว่าเราทำอะไรผิดไปบ้าง ลองมาดูกันเผื่อจะระลึกได้ หรืออาจเป็นประโยชน์หากคุณยังคบกันอยู่ ดูกันว่าพฤติกรรมเหล่านี้แหละที่อาจทำให้คุณเลิกลากันไป

เอาแต่ใจตัวเอง

เป็นเรื่องธรรมดามากที่ทุกคนต้องเอาแต่ใจตัวเองกันอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าใครจะเอาใจตัวเองมากหรือน้อยเท่านั้นเองค่ะ บางคนคิดว่าเป็นคนเอาแต่ใจตัวเองน้อย แต่ความจริงแล้วมากเนี่ย ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่เลย

ทำตัวเป็นเจ้าของมากเกินไป

การที่คุณแสดงตัวให้ใครต่อใครได้รู้ว่า คุณกับเขาเป็นแฟนกันเนี่ย ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพียงแต่บางครั้งคุณอาจแสดงความเป็นเจ้าของเขาในลักษณะที่เป็นเงาตามตัวกัน เลย เช่น ไปไหนไปด้วย ตัวติดกันเป็นปาท่องโก๋ โดยไม่ให้เขามีเวลาส่วนตัวแม้แต่นิดเดียว ก็อาจเป็นปัญหาได้เหมือนกัน

หึงแบบไร้ขีดจำกัด

คงจะห้ามกันได้ยากเรื่องความหึงเนี่ย แต่ต้องมีลิมิตกันบ้างนะคะ ไม่ใช่ว่าเพื่อนคุยด้วยก็ยังหน้ามืดตามัว หึงขนาดนั้นคงจะไม่ไหว บางคนเข้าขั้นโทรเช็คตลอดเวลา อันนี้น่าเป็นห่วงมากค่ะ

บอกเลิกทุกครั้งที่ทะเลาะ

ส่วนใหญ่จะเกิดจากฝ่ายหญิงซะมากกว่า จริงๆ แล้วก็พูดแค่อยากให้เขามาง้อเท่านั้น ซึ่งวิธีนี้จะใช้ได้ผลในช่วงแรกเท่านั้นค่ะ แต่หลังๆ ล่ะก็ เอ้า.. อยากเลิกดีนัก เลิกเลยดีกว่า น้ำตาเช็ดหัวเข่าค่ะ

ไปเจ๊าะแจ๊ะกับคนอื่น

ถือได้ว่าคุณไม่ได้ให้เกียรติคนที่คุณรักเลย ซึ่งทุกคนก็ย่อมหยิ่งในศักดิ์ศรีของตัวเอง บางครั้งอาจทำเพื่อให้อีกฝ่ายหึงเล่นๆ เป็นการคอนเฟิร์มว่าคุณเองก็มีค่าสำหรับเขา แต่ต้องระวังนะคะ เพราะมองอีกมุมคือคุณไม่แคร์ความรู้สึกของเขาเลย และถ้าเป็นอย่างนั้น ก็ไม่รู้จะอยู่ด้วยกันไปทำไม อีกกรณีหนึ่งที่หญิงหรือชายไปชอบเพื่อนของฝ่ายหนึ่ง นอกจากจะทำให้มิตรภาพระหว่างเพื่อนแตกสะบั้นแล้ว คนอื่นจะมองคุณเป็นคนไม่ดีเอามากๆ ด้วย ข้อนี้ต้องคิดให้ดีค่ะ

เชื่อเพื่อนมากเกินไป

บางครั้งเพื่อนก็ไม่อยากให้คุณมีแฟน ซึ่งก็โทษไม่ได้อีกนั่นแหล่ะค่ะ เพราะจากที่เคยเจอกัน ทานข้าวด้วยกันทุกวัน ก็กลับกลายเป็นว่า คุณไปตัวติดกับแฟนแทน หรืออาจจะด้วยความหวังดีมากเกินไป ก็เลยคิดแทนคุณไปหมดว่าแฟนคุณดีพอสำหรับคุณหรือเปล่า

โกรธแล้วไม่พูดด้วย

เป็นสาเหตุที่ทำให้คู่รักเลิกรากันมากที่สุดเลยก็ว่าได้ อาการแบบนี้จะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่า หรือบางทีเรื่องที่โกรธอาจมาจากความเข้าใจผิดแล้วไม่พูดกัน ก็ไม่สามารถปรับความเข้าใจกันได้

นัดแล้วไม่เป็นนัด

การเลื่อนนัดประเภทเลื่อนแล้วเลื่อนอีก หรือว่ามาเลทแบบนัดเช้ามาบ่าย นัดบ่ายมาเย็น อาการแบบนี้เนี่ย บางคนเขารอบ่อยๆ รอไปรอมา เลิกรอตลอดไปเลยก็มีนะคะ

พูดจาข่มกันต่อหน้าคนอื่น

อาจจะเพียงแค่อำกันเล่น แต่บางคนอำกันแรงเกินไป อาจจะเกิดการทะเลาะกันได้ ซึ่งเป็นสาเหตุเล็กๆ ที่จะนำไปสู่ความบานปลายได้ค่ะ

โกหก

บางคนโกหกเป็นนิสัยทั้งที่บางทีไม่ได้ตั้งใจ แต่ถ้าอีกฝ่ายเข้าใจก็คงไม่เป็นไร แต่ขอบอกว่าเรื่องอย่างนี้ น้อยคนนัก ถึงจะยอมเข้าใจค่ะ