วันอังคารที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2553

วันเสาร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2553

วันพฤหัสบดีที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2553

Amazon Store

http://astore.amazon.com/9amnuay-20

nice chat



ออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ(สนามหลวง)

วันพุธที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2553

วันเสาร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2553

8 เว็บไซต์สนุกกับรูปตัวเอง

8 เว็บไซต์สนุกกับรูปตัวเอง


การถ่ายภาพตัวเองจากโทรศัพท์มือถือ ถือเป็นกิจวัตรประจำวันที่ผู้คนทั่วโลกปฏิบัติกันจนเคยชิน แต่การนำภาพเหล่านั้นมาสร้างอะไรที่แปลกใหม่นอกเหนือจากการเปลี่ยนสี ใส่กรอบ ใส่ไอค่อนรูปการ์ตูน มันยังมีอีกมากมาย...

โอกาสนี้จึงขอนำเสนอสารพัดเว็บไซต์ให้คุณสนุกกับภาพถ่ายของตัวเองในแบบฉบับที่นึกไม่ถึง และทุกเว็บก็ใช้เพียงแค่การอัปโหลดรูปหน้าตรงของคุณ (ยิ่งพื้นหลังเป็นสีขาวจะดีที่สุด) ขึ้นไปยังเว็บไซต์เท่านั้น รับประกันความสนุกและง่าย

1. MakeMeBabies เห็นหน้าลูกได้ตั้งแต่ยังไม่ตั้งครรภ์



เป็นผลงานของบริษัท Luxand ผู้เชี่ยวชาญเรื่องระบบจดจำใบหน้า เพียงแค่อัปโหลดภาพหน้าตรงของคุณและคู่รัก (หรือจะเลือกจับคู่กับดาราฮอลลีวู้ดชาย-หญิงก็ได้) ไม่เพียงทำการผสานหน้าตาคุณและคนรักเข้าด้วยกัน เพื่อให้เป็นส่วนผสมที่ลงตัวที่สุด คุณยังทำสิ่งที่ในโลกจริงทำได้ยาก และต้องเสียเงินมากมหาศาลอย่างการเลือกเพศของลูกได้ด้วย

วิธีการใช้งาน

1. อัปโหลดรูปตัวเอง
2. จัดกรอบภาพให้ไฮไลท์เฉพาะส่วนใบหน้า
3. อัปโหลดรูปแฟนของเรา หรือจะเลือกใบหน้าดาราก็ได้
4. เลือกกรอบภาพ
5. เลือกเพศ เลือกสีผิว (ขาว ดำ เอเชีย) และตั้งชื่อลูก
6. คลิกขวา เลือก Save AS เพื่อบันทึกภาพลงเครื่อง

* หมายเหตุ มีแอปบนไอโฟน ค้นหาจากแอปสโตร์โดยใช้ชื่อว่า iHatch หรือคลิกที่นี่เพื่อดาวน์โหลดผ่านไอทูนส์

2.In20Years ดูตัวเองตอนแก่อีก 20 ปีข้างหน้า







เว็บไซต์นี้เป็นเหมือนกระจกพิเศษที่มีการติดตั้งไทม์แมชชีนไว้ด้านหลัง เพียงแค่คุณอัปภาพของคุณขึ้นไปยังระบบ รอไม่ถึงนาที ก็จะเห็นภาพตัวเองในอีก 20 ปีข้างหน้าได้ โดยมีทั้งกระ ถุงใต้ตา รอยเหี่ยวย่น และตีนกามากมาย เพื่อให้ความสมจริงวิธีการใช้งาน

1. เลือกเพศ ระดับความแก่ที่ต้องการ +20 หรือ +30 ปีขึ้นไป และ เลือกว่าคุณติดยาเสพติดด้วยหรือไม่

2. รอสักพัก คุณจะได้ภาพตัวเองในวัยชราปรากฎเทียบกับภาพ ณ ปัจจุบันของคุณให้ใจหายเล่นๆ ถ้าต้องการบันทึกภาพลงเครื่อง กดปุ่ม SAVE IMAGE ทางด้านล่าง
หรือจะโพสขึ้นเฟสบุ๊กก็ได้

3. Weight Mirror อ้วนไป-ผอมไป รู้ได้ก่อนลด-เพิ่มน้ำหนัก



หลายคนมีคนทักว่าผอมไป พยามยามกินเพื่อให้อ้วนขึ้น เพราะคู่รักกระซิบบอกว่าถ้าคุณอ้วนจะดูดีกว่านี้ เพื่อขจัดปัญหาภาวะอ้วน หรือผอมเกินไป ขอเชิญคุณลงจากตาชั่ง แล้วอัปโหลดรูปตัวเองขึ้นไปบนเว็บไซต์นี้ จากนั้นก็เพียงเลือกว่า จะต้องการดูตัวเองยามอ้วน หรือ ผอมกว่านี้

วิธีการใช้งาน

1. อัปโหลดภาพของตัวเองขึ้นไป (ระบบจะสอบถามให้คุณอนุญาติให้เว็บไซต์เข้าถึงภาพของคุณ กดปุ่ม OK)
2. ระบุน้ำหนัก และส่วนสูงของคุณในปัจจุบัน
3. ปรับขีดเลื่อนระดับ ด้านบนแปลว่าต้องการดูตัวเองเมื่ออ้วนขึ้น และเลื่อนลงข้างล่าง ถ้าอยากดูตัวเองตอนผอมลง
4. กรอกอีเมล์เพื่อส่งรูปหลังจากเพิ่ม-ลดน้ำหนักไปยังอีเมล์ของคุณ

4. BeFunky เปลี่ยนรูปถ่ายเป็นวาดภาพ



ถ้าคุณมีเวลาพอ ก็สามารถนั่งตัวตรงเป็นชั่วโมงให้จิตรกรฝีมือเอกระบายสีบนผืนผ้าใบให้ แต่ถ้าเวลามีอยู่จำกัด แค่ 1-2 นาทีก็เพียงพอที่จะเสกภาพถ่ายของคุณให้ออกมาเป็นภาพวาดสีน้ำ สีน้ำมัน สีอะคลีริค ฯลฯ




วิธีการใช้งาน

1. กด Upload รูปภาพของคุณ (ตามลูกศรสีชมพู) แล้วเลือกภาพ (สามารถเลือกได้ทั้งจากคอมพิวเตอร์ เว็บสื่อสังคมอย่างเฟสบุ๊ก ถ่ายจากเว็บแคมทันที หรือเลือกรูปตัวอย่างจากเว็บก็ได้
2. เมื่ออัปแล้วจะพบรูปตัวอย่างตรงกลางจอ จากนั้นก็เพียงคลิกเลือกเอฟเฟกต์ภาพต่างๆ ทางขวามือ
หากต้องการภาพสไตล์ภาพการ์ตูนฝรั่งก็เลือก CARTOONIZER
หากคุณเลือกภาพเอฟเฟกต์ใดที่เขียนว่า Plus แปลว่าจะต้องจ่ายเงินเพื่อซื้อเอฟเฟกต์ภาพนี้ แต่สามารถดูตัวอย่างผลงานได้โดยมีลายน้ำทับรูปไว้ อ่านรายละเอียดการใช้งาน BeFunky แบบเสียเงินได้ที่นี่ประโยชน์ที่ได้ก็คือ สามารถเซฟภาพที่ใส่เอฟเฟกต์ที่คุณชื่นชอบในขนาดใหญ่ยักษ์ได้ เลือกเอฟเฟกต์ที่เขียนว่า Pro ได้ ไม่มีโฆษณามากวนใจขณะเลือกภาพ
3. เมื่อชอบภาพเอฟเฟกต์ใดก็กดปุ่ม Save ลงเครื่องได้ทันที หรือกดปุ่ม Share เพื่อโพสรูปขึ้นเฟสบุ๊กอวดเพื่อนได้

วิดีโอสาธิตการแต่งภาพด้วยเว็บ Befunky



หมายเหตุ: มีแอปบนไอโฟน ค้นหาในแอปสโตร์ด้วยคำว่า Befunky FX หรือดาวน์โหลดผ่านไอทูนส์ที่นี่

5. YearBookYourself ดูรูปในหนังสือรุ่น


เนื้อหาในหนังฮอลลีวู้ดที่เกี่ยวกับชีวิตไฮสคูล มักจะมีฉากการเปิดดูหนังสือรุ่นและวิพากษ์วิจารณ์เพื่อในชั้นเรียน เราสามารถหยิบเอาความสนุกฉบับอเมริกันนั้นมาใช้กับรูปถ่ายของเราได้ด้วย เพียงอัปโหลดรูปคุณขึ้นไป และเลือกดีไซน์ทรงผมของชาวอเมริกันยุค 60's รับประกันว่าผลลัพธ์ที่ได้ฮาเกินคาด

วิธีใช้งาน
1. เข้าไปที่ yearbookyourself.com เลือกเมนูสีเหลือง Portrait > ติ๊กช่องยอมรับเงื่อนไขการใช้งาน > อัปโหลดภาพ หรือ ถ่ายภาพจากเว็บแคม
2. ปรับลดขนาดภาพให้ใบหน้าพอดีกับเส้นที่กำหนด > เลือกว่าภาพของคุณเป็นชายหรือหญิง >
3. บันทึกภาพลงเครื่อง หรือโพสขึ้นเฟสบุ๊ก

6. Tatmash ลองรอยสักลงเข็มจริง


ความอมตะของการสัก คือ ความรู้สึกว่ามันจะอยู่ติดตัวเราไปจนตาย (ถึงแม้จะมีเทคโนโลยีลบรอยสักมากมายก็ตาม) ดังนั้นการจะเพิ่มสีสันให้กับชีวิตชนิดที่ต้องมีน้ำตาร่วงเพราะความเจ็บ จึงมีความจำเป็นต้องเตรียมการนานหน่อย เว็บไซต์นี้ช่วยให้คุณเลือก และลองรอยสัก บนอวัยวะต่างๆ ของตัวคุณได้ ก่อนที่จะรูดม่านและลงเข็มสักจริง




วิธีการใช้งาน (ไม่ต้องลงโปรแกรม ไม่ต้องสมัครสมาชิก)
1. เลือกภาพของรอยสักที่ต้องการ
2. อัปโหลดภาพถ่าย หรือ ถ่ายภาพจากเว็บแคม ตรงส่วนของร่างกายที่ต้องการสัก
3. ลากภาพไปวางบนตำแหน่งร่างกายที่ต้องการ หมุนภาพ พอใจแล้ว กด Save
หากคุณต้องการส่งภาพรอยสักให้กับเว็บเพื่อให้คนอื่นนำไปใช้ก็ต้องสมัครเป็นสมาชิกก่อน ที่นี่ (ฟรี)

7. TryOn ลองแว่นใหม่โดยไม่ต้องไปที่ร้าน





วิธีการใช้งาน


1. กดปุ่ม Load Image > เลือกภาพตัวเองจากคอมพิวเตอร์
2. ปรับตำแหน่งกรอบสีขาวให้พอดีกับใบหน้า ตามตัวอย่างขวามือ
3. เลือกโครงใบหน้าของตัวเอง
4. เลือกเพศ แบบแว่นสายตา/กันแดด เลือกแบรนด์แว่น เลือก ราคา (แนะนำให้เลือกเฉพาะ 2 ข้อแรก จะได้มีแบบให้เลือกเยอะที่สุด) กด Show my frames
5. เวลาจะลองแว่นก็เพียงลากกรอบแว่นด้านขวามือมาบนใบหน้า หากเห็นว่ากรอบนี้สวยและอยากรู้รายละเอียดก็กด Detailed view of this fram ที่อยู่ด้านล่างของภาพคุณ ก็จะพบกับกรอบแว่นขนาดใหญ่ทันที

8. HairMixer เลือกทรงผมทรงตามใจฉัน


วิธีการใช้งาน
1. รูปด้านซ้ายให้อัปโหลดรูปของเราก่อน และทางด้านขวามือให้เลือกทรงผมของดารา จากแกลอรี่ภาพที่มีอยู่ มีทั้งผม ดำ ผมสั้น ผมบลอนด์ จากนั้นจะเห็นภาพทั้ง 2 ภาพคู่กัน
2. เลือกปุ่มบน ตรงกลางระหว่าง 2 ภาพ ที่เขียนว่า mix left face with right hair
3. ภายในเวลา 2 วินาที ก็จะเห็นภาพของคุณกับผมทรงใหม่แบบเดียวกับดาราฮอลลีวู้ดได้ทันที (คุณสามารถยืด หรือย่อ ขนาดของใบหน้าให้พอดีได้) พอใจแล้วกด Finalize
4. จะได้ตัวอย่างภาพ และภาพตัวเองกับผมทรงใหม่บนปกนิตยสารเป็นของแถม

หมายเหตุ มีแอปฯ ไอโฟน ค้นหาคำว่า HairMixer จากแอปสโตร์ หรือคลิกที่นี่ เพื่อดาวน์โหลดผ่านไอทูนส์

อย่างไรก็ดี เว็บไซต์ทั้งหมดนี้มีข้อเสียแบบเดียวกันก็คือ เมื่อบันทึกภาพลงมาเก็บไว้ในเครื่องแล้วจะได้ภาพที่มีความละเอียดต่ำทำให้ไม่สามารถนำไปอัดเป็นภาพถ่ายได้ จึงทำให้บางเว็บไซต์คิดค้นบริการพิมพ์ภาพ ซึ่งก็ถือเป็นรายได้ทางตรงของผู้สร้างเว็บไซต์ประเภทนี้

Thanks website manager.co.th

วันศุกร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2553

น้องน้ำไม่สบาย

โรงพยาบาลสิริโรจน์ ภูเก็ต







ขอให้นางฟ้าของพ่อหายเร็วๆนะ

วันพฤหัสบดีที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2553

canon driver pixma ip 1300

link:download
http://www.siliconguide.com/drivers/device/1067/

Green chilli menu

วันอังคารที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2553

วันจันทร์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2553

Office.live.com ไมโครซอฟท์ออฟฟิศออนไลน์ ใช้งานฟรี ทำงานได้ทุกที่

Office.live.com ไมโครซอฟท์ออฟฟิศออนไลน์ ใช้งานฟรี ทำงานได้ทุกที่

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

http://office.live.com





การพิมพ์งานบนเว็บไซต์ไม่ใช่เรื่องใหม่ (เช่น กูเกิล ดอคส์ ก็ใช้กันแพร่หลาย) และการช่วยกันทำงานกับเพื่อนแบบเรียลไทม์ออนไลน์ก็ไม่ใช่เรื่องน่าเซอร์ไพรส์ (เช่น Showdocument, Crocodoc ที่เคยแนะนำไปก่อนหน้านี้) แต่วันนี้ "ไมโครซอฟท์ ออฟฟิศ" โปรแกรมที่คนทั้งโลกคุ้นเคย และต้องเสียค่าใช้จ่ายเพื่อซื้อซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์มาติดตั้งลงเครื่องคอมพิวเตอร์นั้น กลับเปิดให้ใช้ "ฟรี" บน "เว็บไซต์" ทำให้ไม่ต้องลงโปรแกรม และไม่ต้องสมัครสมาชิกใหม่ แค่มีอีเมล์ของฮอตเมล์ก็เข้าใช้งานได้ทันที

Office.live.com คือ เว็บแอปพลิเคชันสำหรับโปรแกรมไมโครซอฟท์ ออฟฟิศ เวอร์ชัน 2010 หรืออาจะเรียกง่ายๆ ว่าเป็นไมโครซอฟท์ ออฟฟิศฉบับออนไลน์ที่ใช้งานบนหน้าเว็บไซต์ได้ทันที โดยไม่ต้องซื้อโปรแกรมมาติดตั้งลงเครื่อง ในเบื้องต้นมี 4 โปรแกรมให้เลือกใช้ ได้แก่ ไฟล์เอกสาร (Word Document), ไฟล์ตาราง (Excel), พรีเซ็นต์เทชัน (Powerpoint Presentation), และ บันทึก (OneNote notebook) เมื่อสร้างงานเอกสารแล้ว ก็สามารถบันทึกเก็บไว้ที่ สกายไดรฟ์ (SkyDive) หรือฮาร์ดดิสก์ออนไลน์ของไมโครซอฟท์นั่นเอง ซึ่งสามารถแก้ไขออนไลน์ได้ตลอดเวลา และยังสามารถดาวน์โหลดมาเก็บไว้ที่เครื่องคอมพิวเตอร์ได้เช่นกัน

วันศุกร์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2553

วันพุธที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2553

Green chilli restaurant /phuket,Thailand

Green chilli restaurant /phuket,Thailand

อ่านอังกฤษให้เข้าใจ และเก่งภายใน 14 วัน

อ่านอังกฤษให้เข้าใจ และเก่งภายใน 14 วัน

เรียนรู้ คำศัพท์ 1,000 คำ อังกฤษ -ไทย

เรียนรู้ คำศัพท์ 1,000 คำ อังกฤษ -ไทย


พูดอังกฤษ 1,200 ประโยค Conversations


3 Steps พูดอังกฤษให้สำเนียงเหมือนฝรั่ง

Mr bean cartoon...

Mr bean cartoon...




Photoshop CS4 Tutorial: The Lomo Effect + More!

Photoshop CS4 Tutorial: The Lomo Effect + More!

Photoshop: Virtual Weight Loss in Photoshop! (HD)

Photoshop: Virtual Weight Loss in Photoshop! (HD)

Rules of Etiquette : How to Set a Formal Table

Rules of Etiquette : How to Set a Formal Table


Table Setting


Hot Food Cart - Beverage Service #1


Hot Food Cart - Beverage Service #2

Malaysian Restaurant in New York - Fatty Crab

Malaysian Restaurant in New York - Fatty Crab

How to Be a Good Waiter : How to Upsell as a Waiter

How to Be a Good Waiter : How to Upsell as a Waiter

Dish: Women, Waitressing & the Art of Service

Dish: Women, Waitressing & the Art of Service

How To Open a Bottle Of Wine

How To Open a Bottle Of Wine

How To Pour a Bottle Of Wine

How To Pour a Bottle Of Wine

Restaurant Training

Handling of Utencils


How to Fold Napkins : How to Fold a Napkin


Service training at King Seafood Restaurant


waiter training

เรียนภาษาอังกฤษด้วยตนเอง 1-7

บทที่ 1


บทที่ 2


บทที่ 3


บทที่ 4


บทที่ 5


บทที่ 6


บทที่ 7


เรียนรู้ทุกวันจะได้เก่งขึ้นทุกๆวันนะครับ

ที่รักและน้องน้ำออกกำลังกายที่สนามหลวง

nice baby 9/06/10

วันจันทร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2553

สร้าง QR code กันดีกว่า 2553 สุดยอดเทรนใหม่


สร้าง QR code เล่นกัน
Share on Facebook35 1 members like this. |


QR Code ก็คือรหัสชนิดหนึ่ง หรือที่เรียกกันว่า two-dimensional bar code หรือใครจะเรียกว่า 2D bar code ก็แล้วแต่ โดยหลายชื่อนี้ ก็คือ QR Code เหมือนกันครับ ซึ่ง QR Code นี้ถูกคิดค้นขึ้นในปี 1994 โดยบริษัทสัญชาติญี่ปุ่น ที่ชื่อ Denso-Wave และได้จดทะเบียนลิขสิทธิ์ชื่อ QR Code ไปแล้วทั้งในญี่ปุ่น และทั่วโลก ทำให้เรามักจะเรียกว่า 2D Bar Code กันแทนเพื่อเลี่ยงปัญหาลิขสิทธิ์ แต่อย่างไรก็ตาม คำว่า QR Code นั้น ได้ถูกนิยามความหมายว่าเป็น Quick Response หรือการตอบสนองที่รวดเร็ว ซึ่งมาจากความตั้งใจของผู้คิดค้น ที่จะให้ QR Code นี้สามารถถูกอ่านได้อย่างรวดเร็วนั่นเอง ซึ่งตัวสัญลักษณ์ QR Code นี้ได้รับความนิยม จนกลายเป็นของธรรมดาในญี่ปุ่นไปแล้ว

ทุกวันนี้ QR Code นอกจากจะเอาไว้ใช้ในวงการค้าขายสินค้า หรือขนส่งแล้ว ยังเป็นที่นิยมนำเอามาใช้ในการตลาดด้วย เราจะเป็น QR Code ไปโผล่อยู่ตามโฆษณา ในแมกกาซีน หรือป้ายโฆษณา Bill Board เป็นต้น ซึ่งเราสามารถให้ QR Code นี้ เก็บข้อมูล url ของเราได้ และด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย เราสามารถติดตั้งซอฟต์แวร์สำหรับอ่าน QR Code หรือ 2D Bar Code นี้ไว้ในโทรศัพท์มือถือได้ง่าย ๆ แล้ว เมื่อพบ QR Code ในแมกกาซีน หรือป้ายโฆษณา Bill Board ก็สามารถเอามือถือไป scan เพื่อรับข้อมูลนั้นมาได้ โดยสะดวกง่ายดายครับ สำหรับ QR Code ตัวอย่างที่เห็นอยู่นี้ มีความหมายว่าเป็น http://keng.com หรือเป็น url ของเว็บไซต์ของผมนั่นเองครับ ซึ่งตัว QR Code นี้สามารถเก็บข้อมูลได้หลายรูปแบบ ตั้งแต่ wap url , web url หรือไฟล์ข้อมูลต่าง ๆ เป็นต้น


* ใครอยากมี QR Code หรือ 2D Bar Code เก๋ ๆ อย่างนี้บ้าง ลองไปที่เว็บ http://qrcode.kaywa.com
* ดาวน์โหลดโปรแกรมอ่าน QR Code เอาไว้เล่นกันเว็บ http://reader.kaywa.com/



ขอบคุณบทความจากเว็บ
http://keng.com


ปล.มือถือควรเป็นพวกรุ่นใหม่ๆ หน่อยนะ
โนเกีย ก็รุ่น ซี่รี่ N มั้ง
ไอโฟน
หรือพวกที่ลงโปรเเกรมในเครื่องได้
2D Bar CodeQR code
What is TAG?

QR code 9amnuay.blogspot.com

qrcode

น้องน้ำกล่อมน้องนอน



หม้อแปลงไฟฟ้าระเบิดวันฝนตกที่ห้าแยก ตรงข้ามสารพันเพลง

ที่ชีสเตอร์กริลต่อจ้า

naam & nice ที่ชีสเตอร์กริลเจ้าฟ้า

น้องน้ำที่ บิ๊กซี จ้า

Facebook

หลังจากผู้ก่อตั้งเฟสบุ๊ก (Facebook) มาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก ออกมาประกาศเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าในเฟสบุ๊กตามความกังวลของผู้ใช้ หน่วยงานที่ตรวจสอบดูแล และนักวิจารณ์ทั่วโลก ต่อไปนี้คือ 5 ที่จุดการตั้งค่าเวอร์ชันล่าสุดที่สมาชิกเฟสบุ๊กทุกคนควรรู้เพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวบนเฟสบุ๊กได้ตามใจต้องการ

1. ประวัติส่วนตัว (PERSONAL PROFILE)

เหนือสิ่งอื่นใด สมาชิกเฟสบุ๊กทุกคนต้องท่องไว้ให้ขึ้นใจว่า ชื่อ เพศ และภาพในประวัติส่วนตัว จะเป็น 3 ข้อมูลพื้นฐานที่ต้องปรากฏสู่สายตาประชาชนเฟสบุ๊ก (หรืออย่างน้อยก็กลุ่มเพื่อน) โดยภาพประวัติและชื่อจะถูกแสดงแบบอัตโนมัติเมื่อมีการพิมพ์ข้อความแสดงความคิดเห็นบน "wall" หรือพื้นที่เฟสบุ๊กของใครก็ตาม ฉะนั้นรูปเถื่อน ดิบ ถ่อย อย่าเผลอเอาขึ้นเชียว

สิ่งที่สมาชิกเฟสบุ๊กสามารถทำได้คือการเลือกว่าใครจะสามารถเห็นข้อมูลอื่นๆในประวัติส่วนตัว (นอกเหนือจาก 3 ข้อมูลพื้นฐานข้างบน) เช่น สถานที่เกิด รายชื่อเพื่อน และงานอดิเรก

ก่อนจะไปตั้งค่า สมาชิกเฟสบุ๊กสามารถตรวจสอบสถานะความเป็นส่วนตัวที่มีอยู่ในปัจจุบันด้วยการคลิกที่คำว่า "Account" ซึ่งจะปรากฏอยู่มุมบนขวาของหน้าเฟสบุ๊ก จากนั้นจะมีดรอปดาวน์เมนู ให้เลือกที่ Privacy Settings

เมื่อเลือกแล้วจะปรากฏหน้าเพจ Basic Directory Information ให้คลิกที่ลิงก์ View Settings ซึ่งจะปรากฏในท้ายข้อความย่อหน้าแรก ก็จะสามารถตั้งค่าได้ว่าต้องการเปิดเผยประวัติส่วนตัวแก่ใคร

ข้อมูลประวัติส่วนตัวบางข้อมูลสามารถเก็บเป็นความลับเฉพาะไม่แบ่งใครก็ได้ โดยจะต้องเลือกที่ Customise ในเมนูดรอปดาวน์ และเลือกตั้งค่า "make this visible to" เป็น Only Me

2. การแบ่งปัน (SHARING ON FACEBOOK)

แน่นอนว่าสมาชิกเฟสบุ๊กทุกคนสามารถเลือกได้ตามใจชอบว่า ใครสามารถเห็นความเป็นคุณบนเฟสบุ๊กได้บ้าง โดยต้องตั้งค่าในส่วน "Sharing on Facebook" ซึ่งต้องเข้าทางหน้า Privacy Settings

ค่า Sharing on Facebook ที่เฟสบุ๊กแนะนำให้สมาชิกนั้นต้องยอมรับว่าค่อนข้างเปิดเผยมาก แต่ใน Sharing on Facebook สมาชิกจะสามารถเลือกเปิดเผยข้อมูลเฉพาะเพื่อน Friends Only หรือเลือก Customise Settings ซึ่งเป็นลิงก์ข้อความสีฟ้าตัวจิ๋วที่บริเวณท้ายสุดของหน้า เพื่อระบุขอบเขตผู้ชมที่เล็กลงกว่า

หน้า Customise Settings นี้เองที่สมาชิกเฟสบุ๊กสามารถ"ล็อก"ได้ว่าใครสามารถเห็นอีเมลแอดเดรส เบอร์โทรศัพท์มือถือ รวมถึงอนุญาตให้ใครสามารถเข้ามาเขียนข้อความที่ wall ได้บ้าง

สำหรับการเขียน status update หรือการโพสต์ข้อความอัปเดทสถานะแล้วต้องการล็อกให้สมาชิกบางคนเห็นเท่านั้น ก็สามารถคลิกที่สัญลักษณ์แม่กุญแจใต้กล่องข้อความ เพื่อตั้งค่าเป็นพิเศษได้

3. แอปพลิเคชันและเว็บไซต์ (APPLICATIONS AND WEBSITES)

เพื่อการทำให้เฟสบุ๊กไม่รก สมาชิกสามารถเปิดหน้า Privacy Settings ซึ่งมีทางเข้าที่มุมซ้ายล่างของหน้าเพื่อลบแอปพลิเคชันขยะที่ไม่ต้องการออกได้ด้วยการคลิกที่ "remove unwanted or spam applications" ซึ่งสมาชิกจะสามารถเลือกให้เหลือแต่แอปพลิเคชันสุดโปรดอย่างเกม Farmville หรือ Bejeweled Blitz ได้

ที่น่าสนใจคือ สมาชิกเฟสบุ๊กทุกคนสามารถลบประวัติไม่ให้ใครค้นหาได้เจอด้วยการคลิกลิงก์ Edit Settings แล้วคลิก untick หรือยกเลิกการยินยอมให้ค้นหาพบโดยสาธารณะ

4. การปิดกั้นไม่ให้ใช้ (BLOCK LISTS)

สมาชิกเฟสบุ๊กสามารถปิดกั้นไม่ให้ใครก็ได้เข้ามาชมข้อมูลส่วนตัว หรือข้อความอัปเดทสถานะ อย่างไรก็ตามควรรู้ว่า คนที่ถูกบล็อกจะสามารถติดต่อกับผู้ที่บล็อกได้ผ่านเกมบางเกม และแอปพลิเคชันบางตัว

5. เลิกใช้เฟสบุุ๊ก (QUITTING FACEBOOK)

กรณีที่สมาชิกอยากลบข้อมูลตัวเองออกจากเครือข่ายสังคมอย่างเฟสบุ๊ก สามารถเข้าไปที่ Help Centre ที่มุมล่างขวาของหน้าเฟสบุ๊ก เพื่อยกเลิกการใช้งานชื่อบัญชีเฟสบุ๊กอย่างหมดจด

ผู้ที่ต้องการยกเลิกเฟสบุ๊กจะต้องพิมพ์ข้อความ "delete my account" ลงในแถบค้นหา เลือกคำถาม "I want to permanently delete my account" แล้วแสดงความต้องการลบชื่อบัญชีด้วยการคลิกที่ "here" ซึ่งปรากฏที่ปลายประโยค แล้วยืนยันคำขอด้วยการกด "submit"

แต่สำรับคนที่อยาก"พัก"ขอเวลาออกห่างเฟสบุ๊กระยะหนึ่ง ก็สามารถเลือกตั้งค่าที่ลิงก์ Account (มุมขวาของหน้าเฟสบุ๊ก) แล้วคลิกที่ Deactivate Account หลังจากกรอกแบบฟอร์มเล็กน้อยจากเฟสบุ๊ก เฟสบุ๊กจะทำการพักและเก็บรักษาแฟ้มประวัติไว้เพื่อรอวันที่สมาชิกจะกลับมา re-activate อีกครั้ง แต่ผู้ใช้รายอื่นจะไม่สามารถเปิดชมเฟสบุ๊กของสมาชิกรายนั้นได้

อีกข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับการเลิกใช้เฟสบุ๊กคือ วันจันทร์ที่ 31 พฤษภาคม 53 (1 มิถุนายนในประเทศไทย) ถูกตั้งชื่อเรียกโดยกลุ่มคนออนไลน์ว่า Quit Facebook Day หรือวันเลิกใช้เฟสบุ๊กด้วย สิ่งที่เกิดขึ้นคือสมาชิกเฟสบุ๊ก 31,000 ชื่อบัญชีทั่วโลกพร้อมใจกันตัดญาติกับเฟสบุ๊กด้วยการลบชื่อบัญชีออกเพื่อประท้วงว่าไม่เห็นด้วยกับมาตรการการรักษาข้อมูลส่วนตัวใหม่ในเฟสบุ๊ก โดยเฉพาะการกำหนดค่าเริ่มต้นที่เปิดเผยข้อมูลเสรีมาก ทำให้ผู้ใช้ที่ไม่รู้ว่าต้องตั้งค่าความส่วนตัวใหม่นั้นสูญเสียความเป็นส่วนตัวไปและตกอยู่ในความเสี่ยง

ขณะนี้ เฟสบุ๊กมีสมาชิก 450 ล้านคน ราว 3.75 ล้านคนเป็นผู้ใช้งานในประเทศไทย โดยส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงอายุระหว่าง 18-24 ปี (ขอบคุณข้อมูลจาก checkfacebook.com)

สำหรับไกด์ไลน์การตั้งค่าผู้ใช้เฟสบุ๊กทั้ง 5 ข้อนี้ ขอขอบคุณเนื้อหาและภาพประกอบจากบีบีซีนิวส์

Review : Toshiba Satellite M500 สัมผัสระบบ Touchscreen สุดเก๋บน Core i5

วันอาทิตย์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2553

Onlinedoctranslator l แปลเอกสารทั้งฉบับได้ฉับไว

http://www.manager.co.th/CBiZReview/ViewNews.aspx?NewsID=९५३०००००७४१८४

Onlinedoctranslator.com คือ เว็บไซต์ที่คุณสามารถอัปโหลดไฟล์เอกสารภาษาใดๆ ก็ได้ที่ต้องการแปลขึ้นไปยังระบบ จากนั้นระบบจะทำการตรวจจับภาษาในไฟล์ต้นฉบับ และแปลเป็นภาษาต่างๆ มากกว่า 50 ภาษาให้คุณ พร้อมให้บันทึกเป็นไฟล์เอกสาร ที่มีรูปแบบการจัดหน้าเหมือนต้นฉบับไม่ผิดเพี้ยน มาเก็บไว้ในเครื่องได้ จุดเด่นของเว็บไซต์ Onlinedoctranslator แปลภาษาจากไฟล์เอกสาร มีมากมาย อาทิ * ไม่ต้องลงโปรแกรม ไม่ต้องสมัครสมาชิก และไม่มีค่าใช้จ่าย * ทำงานแปลได้รวดเร็วมาก * แปลได้มากกว่า 50 ภาษา ทั้งภาษาที่ใช้ในเอเชีย ยุโรป และตะวันออกกลาง * เอกสารที่แปลเสร็จแล้ว สามารถคงการจัดหน้าเหมือนต้นฉบับได้ทุกประการ * ไม่จำกัดขนาดไฟล์เอกสารที่อัปโหลดขึ้นไปเพื่อแปล * ใช้ระบบโปรแกรมของกูเกิล แปลภาษา ซึ่งได้รับการการันตีว่าดีที่สุดในบรรดา เว็บไซต์แปลภาษาทั้งหมดในปัจจุบัน * ไม่มีการเก็บไฟล์ไว้ที่เว็บไซต์เด็ดขาด ไฟล์จะส่งไปที่ระบบการแปลภาษาของกูเกิล และส่งกลับมาที่เครื่องคุณทันที วิธีการใช้งาน 1. เข้าไปที่เว็บไซต์ Onlinedoctranslator รอให้หน้าจอเริ่มต้นการทำงาน จากนั้นระบบจะขอให้ติ๊กข้อความว่าตกลงใช้งานจาวา ให้ทำตามรูป จากนั้นจะสังเกตุเห็นโลโก้จาวาที่มุมขวาล่างของจอคอมพิวเตอร์


2. เลือกไฟล์เอกสารที่ต้องการแปลอัปโหลดไปยังระบบ (รองรับเฉพาะไฟล์ doc, docx; Excel: xls, xlsx; Powerpoint; ppt, pptx; Text xml, txt)


3. เลือกภาษาที่ตนเองต้องการให้แปล จากนั้นระบบจะขอให้บันทึกไฟล์ใหม่ลงเครื่อง เมื่อเสร็จแล้วกดปุ่มตรงกลางเพื่อเปิดไฟล์เอกสารที่แปลแล้วดูอีกที
ภาษาในเอเชียยังแปลไม่ดีเท่ากับภาษาตะวันตก เท่าที่ทดสอบกับการนำต้นฉบับภาษาไทย และภาษาอังกฤษ ไปแปลเป็นภาษาต่างๆ ด้วยเว็บไซต์ Onlinedoctranslator พบว่า เมื่อเลือกให้แปลเป็นภาษาไทย (ทั้งตัวย่อและตัวเต็ม) ภาษาเกาหลี และภาษาญี่ปุ่น จะพบว่าตัวอักษรหลายตัวอ่านไม่ได้ กลายเป็นสี่เหลี่ยม


แต่ภาษาตะวันตก และตะวันออกกลางอื่นๆ ถือว่าทำได้ค่อนข้างดี




เทคนิคเล็กน้อยในการใช้ Onlinedoctranslator * เอกสารต้นฉบับ ควรตรวจสอบว่าเป็นข้อความที่มีการจัดหน้าแบบปกติ ไม่มีการเติมกล่องข้อความ หรือใส่หัวท้ายกระดาษ ฯลฯ * หลังจากบันทึกเอกสารที่แปลไปหนึ่งฉบับแล้ว คุณสามารถเลือกภาษาอื่นๆ ที่ต้องการแปลอีกได้ทันที โดยไม่ต้องอัปโหลดเอกสารใหม่อีกครั้ง สำหรับบริการ Onlinedoctranslator ที่มีจุดเด่นอยู่ที่การแปลเอกสารทั้งฉบับ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผลลัพธ์ของการแปลจะดีเท่าการใช้คนแปล เพราะก็ยังใช้ฐานข้อมูลการแปลของกูเกิล ซึ่งเป็นสมองกลอัจฉริยะ แต่มันก็เหมาะมากสำหรับการแปลเอกสารที่เราค้นพบผ่านเว็บไซต์ (เว็บค้นหาไฟล์เอกสาร docjax.com) อย่างน้อยก็ทุ่นแรง และขยายขอบเขตแห่งองค์ความรู้ของเราได้อย่างมีนัยสำคัญ

วันเสาร์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2553