วันศุกร์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

อันซีน“ทะเลกระบี่” ตามรอยโยนี ตามหาศิวลึงค์




ทะเลกระบี่ยังคงงดงามน่าเที่ยวเสมอมา

แม้ช่วงนี้จะถือว่าเป็นช่วง “โลว์ซีซั่น” ของการท่องเที่ยวทางทะเล เพราะกำลังอยู่ในหน้าฝน ท้องฟ้าไม่จัดจ้าสดใส และมีคลื่นลมแรงในบางวัน แต่ในช่วงเดียวกันนี้อีกนั่นแหละ ที่บรรดาโรงแรมรีสอร์ทริมทะเลจะลดราคาลงให้เราได้เก็บเกี่ยวห้องพักสุดหรูแสนสบายในราคาที่ถูกลงกว่าเดิม ก็ถือได้ว่าเป็นโอกาสงามๆของนักท่องเที่ยวอีกช่วงหนึ่ง รวมทั้ง “ตะลอนเที่ยว” ด้วยเช่นกัน หลังจากที่เราได้ไปท่องเที่ยวทางบก ไปเยือนถ้ำสวยๆ ในจังหวัดกระบี่กันไปในคราวที่แล้ว แต่ยังไงๆก็ต้องไม่พลาดที่จะออกไปเที่ยวทะเลกระบี่อย่างแน่นอน “ตะลอนเที่ยว” เลือก “เกาะพีพีทัวร์” ให้เป็นคนนำเที่ยวในวันนี้ โดยมีโกจง หรือชำนาญ ศรีสวัสดิ์ นายหัวของเกาะพีพีทัวร์เป็นคนพาเที่ยวด้วยตัวเองเลยทีเดียว

เขาหลัก เปรียบเสมือนศิวลึงค์ในท้องทะเลกระบี่
การเที่ยวทะเลกระบี่ในวันนี้ของเราโชคดีที่ท้องฟ้าแจ่มใสแต่เช้า มีนักท่องเที่ยวหลายคนรอออกเรือเพื่อไปท่องเที่ยวตามเกาะต่างๆ จำนวนมากเหมือนกัน โดยเฉพาะชาวต่างชาติ ส่วนแผนการท่องเที่ยวของ "ตะลอนเที่ยว" วันนี้มีสิ่งพิเศษเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย เพราะได้ยินคำบอกเล่าของคนในพื้นที่ว่า ในทะเลกระบี่นั้นถือเป็นทำเลทอง ที่มีทั้ง "ศิวลึงค์" และ"โยนี" อันเป็นที่เคารพในทางศาสนาฮินดู โดยพราหมณ์ผู้หนึ่งที่มาเยือนจังหวัดกระบี่ได้กล่าวเอาไว้ แต่ศิวลึงค์และโยนีนั้นจะอยู่ตรงไหนนั้น ต้องตามไปดูพร้อมๆ กัน เราออกเดินทางด้วยเรือสปีดโบทแล่นฝ่าเกลียวคลื่นมายังบริเวณอ่าวไผ่ปล้อง ซึ่งอยู่ระหว่างอ่าวนางกับอ่าวไร่เลย์ บริเวณนี้จะมีเขาเล็กๆ ลูกหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่กลางน้ำ ซึ่งชาวบ้านในแถบนี้เรียกเขานี้ว่า "เขาหลัก" มองดูแล้วอาจจะเป็นเหมือนหน้าผาธรรมดาๆ แต่ในสายตาของพราหมณ์แล้ว เขาหลักนี้เปรียบได้กับ “ศิวลึงค์” ของท้องทะเลกระบี่

ปีนผาที่อ่าวไร่เลย์กิจกรรมยอดฮิตของนักท่องเที่ยว
อดใจรออีกนิดหนึ่ง เดี๋ยวเราจะไปตามหาโยนีกันต่อ แต่ตอนนี้สปีดโบทแล่นต่อมายัง "อ่าวไร่เลย์" อ่าวชื่อดังอีกแห่งหนึ่งของกระบี่ เป็นที่รู้จักกันในเรื่องการเป็นแหล่งปีนหน้าผาที่มีชื่อเสียงดังไปไกลถึงต่างประเทศ และเท่าที่เห็นอยู่นี้ก็มีแต่ชาวต่างประเทศจริงๆที่นิยมกิจกรรมนี้ คนไทยมีส่วนน้อยที่จะสนใจปีน ส่วนมากแล้วจะสมัครใจยืนดูและยืนเชียร์มากกว่า เหมือนกับ "ตะลอนเที่ยว" เช่นกัน ที่กำลังยืนแหงนคอตั้งบ่ามองนักปีนเขาสมัครเล่นหลายๆ คนกำลังปีนป่าย หาที่เกาะเกี่ยวตัวเองขึ้นไปยังหน้าผาด้านบน โดยคนปีนนั้นต้องคอยฟังเสียงพี่เลี้ยงข้างล่างที่จะคอยบอกว่าตรงไหนมีที่ที่จะเกาะได้ ตรงไหนมีร่องมีรูให้เหยียบปีนขึ้นไปได้ เป็นกีฬาที่เรียกเหงื่อได้เยอะมาก ดูแล้วก็เพลินดีเหมือนกัน

บนจุดชมวิวมองเห็นอ่าวไร่เลย์ตะวันตกและตะวันออก
ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ลองเล่นกิจกรรมปีนผา แต่ “ตะลอนเที่ยว” ก็ได้ปีนป่ายออกกำลังเล็กน้อยกับการขึ้นไปดูจุดชมวิวของอ่าวไร่เลย์ที่ใช้เวลาเดินขึ้นประมาณ 20 นาที ก็จะได้เห็นเวิ้งหาดไร่เลย์ตะวันตกและไร่เลย์ตะวันออกโค้งเข้าหากัน ตรงกลางมีรีสอร์ทและสวนมะพร้าว คล้ายกับที่จุดชมวิวของเกาะพีพี แม้ทางเดินขึ้นมาจะออกแนววิบากเล็กน้อย แต่เมื่อได้ขึ้นมาเห็นทิวทัศน์สวยๆงามๆ อย่างนี้แล้วก็หายเหนื่อยไปเยอะ แต่สำหรับใครที่ยังไม่เหนื่อย จากจุดชมวิวนี้สามารถเดินต่อไปชมลากูน หรือทะเลใน ที่ชาวบ้านเรียกว่า "สระพระนาง" กันต่อได้ แต่เส้นทางก็ค่อนข้างวิบากมากกว่าทางขึ้นไปดูจุดชมวิวอีกสักเล็กน้อย ในช่วงหน้าฝนถนนลื่นเช่นนี้จึงควรใช้ความระมัดระวังให้มาก

ศาลเจ้าแม่บริเวณถ้ำพระนาง
หลังจากลงมายืนบนพื้นราบแล้ว เรามุ่งหน้ากันต่อเพื่อไปยัง "อ่าวพระนาง" ที่มีชายหาดที่เงียบสงบ ทรายขาวน้ำใส ที่นี่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นที่เคารพของชาวบ้านในบริเวณนี้ด้วยนั่นก็คือ “ถ้ำพระนาง” อันมีตำนานหนึ่งเล่าขานกันมาว่า นานมาแล้วมีสามีภรรยาคู่หนึ่งอยู่กันมานานไม่มีลูกเสียที จึงไปขอร้องกับพญานาคให้ประทานลูกให้ พญานาคตกลงให้ลูกสาวคนหนึ่งแต่มีข้อแม้ว่าเมื่อเด็กคนนี้โตขึ้นจะต้องให้แต่งงานกับลูกชายของตน แต่เมื่อโตขึ้นหญิงสาวคนนั้นกลับไปแต่งงานกับคนอื่น พญานาคโกรธมากจึงออกมาอาละวาดทำลายพิธีแต่งงาน และเกิดการทะเลาะวิวาทกันขึ้น ฤาษีตนหนึ่งที่อยู่ในถ้ำออกมาห้ามปรามก็ไม่มีใครฟัง ทุกคนจึงโดนฤาษีสาปให้เป็นหิน เรือนหอนั้นจึงกลายเป็นถ้ำ เป็นที่มาของถ้ำพระนาง และชื่อเกาะแก่งต่างๆ ในแถบนี้นั่นเอง

เดินทอดน่องบนสันทรายในทะเลแหวก
นั่นก็เป็นตำนานของถ้ำพระนาง แต่ความเชื่อของผู้คนแถบนี้ก็คือภายในถ้ำแห่งนี้มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นผู้หญิงสิงสถิตย์อยู่ ชาวประมงที่เข้าไปหลบมรสุมในถ้ำแห่งนี้เคยฝันเห็นและเล่าต่อๆ กันมา หลังจากนั้นจึงมีการสร้างศาลขึ้นมา และเมื่อชาวเรือจะออกทะเลเพื่อไปหาปลา ก็จะไปกราบไหว้และนำปลัดขิกไปถวาย บนบานให้มีชีวิตรอดปลอดภัยจากการออกทะเล และที่ถ้ำพระนางนี้เองที่ถือเป็น "โยนี" และบริเวณนี้ก็ยังคงเห็นปลัดขิกหลากหลายขนาดวางกองเรียงรายให้เห็นกัน และที่พลาดไม่ได้หากมาท่องเที่ยวทะเลกระบี่ นั่นก็คือการมาชม "ทะเลแหวก" อันซีนไทยแลนด์ที่บริเวณเกาะสามเกาะ คือเกาะไก่ เกาะหม้อ และเกาะทัพ เรานั่งสปีดโบทจากอ่าวไร่เลย์มาชมปรากฏการณ์ทะเลแหวกที่จะเกิดขึ้นเมื่อน้ำทะเลลดลงจนสันทรายที่เชื่อมต่อระหว่างสามเกาะนี้ปรากฏขึ้นให้เห็น ใครที่อยากมาเห็นทะเลแหวกแบบเต็มที่ก็ต้องสอบถามช่วงเวลาน้ำลดให้ดี

จุดดำน้ำบริเวณเกาะสี่
น้ำทะเลใสๆกับทรายขาวๆ ที่ทะเลแหวกนี้เกือบทำให้เราอดใจไม่ไหวเกือบจะทิ้งกล้องกระโดดลงทะเลไปเสียแล้ว แต่ต้องรอประเดี๋ยวก่อนเพราะโปรแกรมต่อไปของเราก็คือการไปดำน้ำแหวกว่ายเล่นกับฝูงปลา และชมปะการังใต้ทะเลกันต่อที่ "เกาะสี่" ใกล้ๆ กับเกาะไก่นี่เอง ที่ “เกาะสี่” นี้เป็นภูเขาหินเล็กๆ กลางทะเลไม่มีหาดทราย บริเวณนี้เป็นจุดดำน้ำดูปะการังที่สวยงามแห่งหนึ่งของทะเลกระบี่ มีเรือลอยลำพานักท่องเที่ยวมาดำน้ำอยู่หลายลำด้วยกัน เพราะโลกใต้น้ำตรงนี้หนาแน่นไปด้วยปะการังชนิดต่างๆ ทั้งปะการังเขากวาง ปะการังสมองกินพื้นที่กว้าง และมีดอกไม้ทะเลเป็นพุ่มมีปลาการ์ตูนจับจองที่อยู่กันอย่างสบายใจ หอยเม่นนอนอยู่นิ่งๆ ใกล้กับปะการัง ส่วนปลาหลากชนิดก็ว่ายแวะเวียนมาทักทายกับเราตลอดเวลา ดำน้ำเหนื่อยๆ แล้วก็ลอยตัวขึ้นมาเล่นกับปลาเสือตอที่ชอบว่ายขึ้นมาที่ผิวน้ำมากินขนมปังที่นักท่องเที่ยวโปรยให้

ฝูงปลาว่ายเล่นกับนักท่องเที่ยว
ฝนเริ่มโปรยลงมาแล้วเมื่อเราเดินทางกลับ ทิ้งทะเลกระบี่ไว้ในม่านสายฝนเบื้องหลัง ไม่ว่าฤดูไหน กระบี่ก็ยังเป็นเมืองน่าเที่ยวเสมอในสายตาของ “ตะลอนเที่ยว” ยิ่งเที่ยวในช่วงนี้(โลว์ซีซั่น)ก็ยิ่งสบายกระเป๋า ผู้ประกอบการก็ไม่นั่งเหงาตบยุงกันไปวันๆ วินวินกันทั้งสองฝ่าย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น